คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4360/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกคำร้อง เมื่อคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 200,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ค่าสินค้าสารผสมในคอนกรีตตามสัญญาซื้อขายเป็นเงินจำนวน 75,201 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 69,550 บาท จำเลยให้การต่อสู้คดีขอให้ยกฟ้อง ระหว่างพิจารณาภายหลังจากโจทก์นำพยานเข้าสืบเสร็จสิ้นแล้ว ศาลชั้นต้นจึงให้นัดสืบพยานจำเลย ในวันนัดสืบพยานจำเลยทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่า ทนายจำเลยและพยานจำเลยติดธุระมาศาลไม่ได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลกำหนดวันนัดสืบพยานจำเลยห่างจากวันนัดครั้งก่อนถึง 4 เดือนเศษ ทนายจำเลยย่อมทราบดีอยู่แล้วว่าจะต้องเตรียมพยานใดมาเบิกความ แต่กลับอ้างว่าทั้งพยานจำเลยและทนายจำเลยติดธุระสำคัญกะทันหัน โดยมิได้ระบุว่าเป็นธุระใด เหตุผลตามคำร้องของทนายจำเลยเลื่อนลอยไม่น่าเชื่อถือ จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะขออนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานจำเลยออกไป และมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลย แล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 69,550 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2540 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 14 กันยายน 2541) ต้องไม่เกิน 5,651 บาท ตามที่โจทก์ขอ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2542 ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้จำเลยรวม 2 ครั้ง แต่ก่อนครบกำหนดที่จำเลยจะต้องยื่นอุทธรณ์ดังกล่าว จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์อีกเป็นครั้งที่ 3 โดยอ้างเหตุว่า จำเลยได้ยื่นคำแถลงขอถ่ายสำเนาคำพิพากษาไว้และเพิ่งได้รับสำเนาคำพิพากษาเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2543 ซึ่งคดีนี้มีปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายจำนวนมาก ประกอบกับเงินค่าธรรมเนียมที่ต้องวางศาลในชั้นอุทธรณ์มีจำนวนสูง และจำเลยยังหาเงินดังกล่าวมาวางศาลไม่ได้ จึงต้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นไปอีก 30 วัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีไม่มีเหตุผลอันสมควร ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ

จำเลยอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งที่ไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีและงดสืบพยานจำเลยกับคำสั่งที่ไม่อนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์มิได้แก้อุทธรณ์ จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า คำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ได้แสดงเหตุผลเป็นที่เพียงพอต่อศาลว่าจำเลยมีปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่จำเป็นจะต้องให้ศาลฎีกา (ที่ถูกศาลอุทธรณ์) เป็นผู้วินิจฉัย อีกทั้งคดีนี้ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ตามฟ้องและค่าฤชาธรรมเนียมจำนวนเงินสูงมาก จำเลยยังไม่สามารถหาเงิน (ค่าฤชาธรรมเนียม) มาวางศาลได้ทันนั้น เห็นว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนว่า คดีนี้เป็นคดีที่โจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยชำระหนี้ค่าสินค้ามีทุนทรัพย์เพียง75,201 บาท จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์ส่งสินค้าล่าช้า ไม่ครบจำนวน ทั้งเป็นสินค้าที่ไม่มีคุณภาพและสินค้าบางส่วนชำรุดเสียหาย โจทก์นำพยานเข้าสืบปากเดียวส่วนจำเลยมิได้สืบพยาน ประเด็นแห่งคดีจึงไม่มีข้อยุ่งยากทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายถึงขนาดที่จำเลยไม่สามารถทำอุทธรณ์ได้ภายในระยะเวลาที่ศาลขยายให้และคดีนี้มีทุนทรัพย์ในชั้นอุทธรณ์เพียง 75,201 บาท เงินค่าธรรมเนียมที่ต้องวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์จึงมีจำนวนไม่มากเท่ากับว่าศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริงว่า ปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่จำเลยจะอุทธรณ์นั้น ไม่มีข้อยุ่งยากและเงินค่าธรรมเนียมที่จำเลยต้องวางศาลมีจำนวนไม่สูงดังที่จำเลยอ้างมาในคำร้อง อันเป็นการวินิจฉัยในข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า มีพฤติการณ์พิเศษที่ศาลควรอนุญาตขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23 หรือไม่ ที่จำเลยฎีกาในทำนองโต้แย้งดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ในการรับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง แม้จะเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นซึ่งไม่เกี่ยวกับเนื้อหาของคดีที่คู่ความพิพาทกันก็ตาม เมื่อปรากฏว่าคดีนี้มีทุนทรัพย์ทีพิพาทกันไม่เกิน 200,000 บาท ฎีกาของจำเลยข้อนี้จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่งที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยข้อนี้จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ คดีจึงฟังยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ว่า คดีของจำเลยไม่มีพฤติการณ์พิเศษที่จะขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้จำเลยได้ ส่วนที่จำเลยฎีกาข้อต่อมาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่ 3 ของจำเลยว่า กรณีไม่มีเหตุผลอันสมควร ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมิได้แสดงเหตุผลในการยกคำร้องนั้น เห็นว่า เมื่อคดีนี้ฟังยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วว่า กรณีของจำเลยไม่มีพฤติการณ์พิเศษที่จะขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้จำเลยได้ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจัยฎีกาของจำเลยในข้อนี้อีกต่อไป

พิพากษายกฎีกาของจำเลย คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้แก่จำเลยโจทก์ไม่แก้ฎีกาจึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นฎีกาให้

Share