แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์พร้อมกับคำฟ้องอุทธรณ์ในวันที่ 7 ตุลาคม 2541 และทนายจำเลยได้ลงชื่อรับรองข้อความที่ว่าให้มาทราบคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในวันที่ 14 ตุลาคม 2541 ถ้าไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งแล้ว ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นได้เกษียณคำสั่งไว้ที่คำร้องว่า ให้รับคำร้อง และนัดไต่สวนวันที่ 14 ธันวาคม 2541 เวลา 8.30 นาฬิกา โดยบันทึกวันที่เกษียณคำสั่งในวันที่ 12 ตุลาคม 2541 ซึ่งเป็นการมีคำสั่งไว้ก่อนวันที่กำหนดให้จำเลยมาทราบคำสั่งศาล ย่อมมีผลว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งของศาลที่นัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในวันที่ 14 ธันวาคม 2541 ตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2541 แล้ว แม้ในวันที่14 ตุลาคม 2541 จำเลยยังมิได้สาบานตัว ศาลก็กำหนดนัดวันไต่สวนคำร้องได้
จำเลยทราบกำหนดวันนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาชั้นอุทธรณ์แล้วไม่มาศาล การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันนัดไต่สวนคำร้องว่า ให้งดการไต่สวน แล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 37 และมาตรา 133 ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นให้งดการไต่สวน ก็ถือว่าคดีเสร็จการพิจารณา จึงมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยเสียได้ และคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ว่าหากจำเลยประสงค์ที่จะอุทธรณ์ ให้นำค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์มาวางศาลภายใน 7 วัน นับแต่วันนี้ มิฉะนั้นถือว่าไม่ติดใจอุทธรณ์ ถือเป็นส่วนหนึ่งของคำวินิจฉัยชี้ขาดคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ซึ่งถือว่าจำเลยได้ทราบแล้วในวันดังกล่าว โดยศาลชั้นต้นไม่มีหน้าที่ต้องแจ้งคำสั่งให้จำเลยทราบอีก การที่จำเลยมิได้นำเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ไปวางศาลภายในเวลาที่กำหนดไว้ ทั้งมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งต้องใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาล ชอบที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องอุทธรณ์
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสองและบริวารออกจากที่ดินและเรียกค่าเสียหาย ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยทั้งสองและบริวาร และให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์กับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ วันที่ 7 ตุลาคม 2541จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาพร้อมกับยื่นคำร้องขอเลื่อนวันสาบานตัวของจำเลยทั้งสอง ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในวันที่ 14 ธันวาคม 2541 เวลา 8.30 นาฬิกา จำเลยทั้งสองขอเลื่อนวันสาบานตัวหลายครั้ง ถึงวันนัดจำเลยทั้งสองไม่มา และจำเลยทั้งสองไม่ได้สาบานตัว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา หากจำเลยทั้งสองประสงค์จะอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสองนำค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์มาวางต่อศาลภายใน 7 วัน มิฉะนั้นถือว่าไม่ติดใจอุทธรณ์ ต่อมาเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2541 เจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่าจำเลยทั้งสองมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลภายในกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง
วันที่ 19 เมษายน 2542 จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องว่าจำเลยทั้งสองไม่ทราบคำสั่งศาลที่สั่งให้จำเลยทั้งสองนำค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์มาวางศาลภายในกำหนด 7 วัน จำเลยทั้งสองมิได้จงใจที่จะไม่ชำระเงินค่าธรรมเนียมศาล ขอให้ศาลไต่สวนคำร้องและอนุญาตให้จำเลยทั้งสองพิจารณาคดีใหม่ชั้นอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าการที่จำเลยทั้งสองไม่นำเงินค่าธรรมเนียมและค่าขึ้นศาลมาวางต่อศาลภายในกำหนด ทั้งที่จำเลยทั้งสองรับทราบนัดแล้ว จึงไม่มีเหตุให้ไต่สวนคำร้องของจำเลยทั้งสอง ให้ยกคำร้อง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยทั้งสองฎีกาว่า จำเลยทั้งสองไม่ทราบว่าศาลชั้นต้นกำหนดวันนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ในวันที่ 14ธันวาคม 2541 เวลา 8.30 นาฬิกา จำเลยทั้งสองจึงไม่ได้มาศาลตามกำหนดนัดของศาลและไม่ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาและให้จำเลยทั้งสองนำค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ไปชำระภายใน 7 วัน ทั้งศาลชั้นต้นมิได้แจ้งคำสั่งที่ให้จำเลยทั้งสองนำเงินค่าขึ้นศาลมาวางศาลภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยทั้งสองทราบคำสั่งดังกล่าวแล้วไม่ดำเนินกระบวนพิจารณาภายในเวลาที่ศาลกำหนด เห็นว่า เมื่อจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ต่อศาลพร้อมกับคำฟ้องอุทธรณ์ในวันที่ 7 ตุลาคม 2541 และทนายจำเลยทั้งสองได้ลงชื่อรับรองข้อความที่ว่า ให้มาทราบคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในวันที่ 14 ตุลาคม 2541 ถ้าไม่มา ให้ถือว่าทราบคำสั่งแล้วดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นได้เกษียณคำสั่งไว้ที่ด้านบนของคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองว่าให้รับคำร้อง และนัดไต่สวนวันที่ 14 ธันวาคม 2541เวลา 8.30 นาฬิกา โดยบันทึกวันที่เกษียณคำสั่งว่า วันที่ 12 ตุลาคม 2541 ซึ่งเป็นการมีคำสั่งไว้ก่อนวันที่กำหนดให้จำเลยทั้งสองมาทราบคำสั่งศาล ย่อมมีผลว่าจำเลยทั้งสองได้ทราบคำสั่งของศาลที่นัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในวันที่ 14 ธันวาคม 2541 ตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2541 แล้ว ที่จำเลยทั้งสองอ้างว่า ในวันที่ 14ตุลาคม 2541 จำเลยทั้งสองยังมิได้สาบานตัว ศาลจึงยังไม่อาจกำหนดนัดวันไต่สวนคำร้องนี้ได้นั้น ไม่มีกฎหมายหรือระเบียบของศาลข้อใดบังคับไว้ เป็นความเข้าใจของจำเลยทั้งสองเอง ไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง ฎีกาของจำเลยทั้งสองที่ว่า จำเลยทั้งสองไม่ทราบกำหนดวันนัดไต่สวนคำร้องโดยชอบนั้น ฟังไม่ขึ้น
ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า จำเลยทั้งสองยังไม่ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยทั้งสองนำเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์มาวางภายใน 7 วัน เพราะศาลชั้นต้นยังไม่แจ้งคำสั่งให้จำเลยทั้งสองทราบนั้น เห็นว่า เมื่อจำเลยทั้งสองได้ทราบกำหนดวันนัดไต่สวนคำร้องแล้ว จำเลยทั้งสองไม่มาศาลในวันดังกล่าว การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันนัดไต่สวนคำร้องว่า ให้งดการไต่สวน แล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา หากจำเลยทั้งสองประสงค์ที่จะอุทธรณ์ ให้นำค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์มาวางศาลภายใน 7 วัน นับแต่วันนี้ มิฉะนั้นถือว่าไม่ติดใจอุทธรณ์อีกต่อไปนั้น เป็นการที่ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 37 และตามมาตรา 133 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่กำหนดให้ศาลดำเนินการนั่งพิจารณาติดต่อกันไปโดยไม่ต้องเลื่อนจนกว่าจะเสร็จการพิจารณาและพิพากษาคดี ทั้งบังคับให้ศาลต้องมีคำพิพากษาหรือคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดคดีในวันที่สิ้นการพิจารณา ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นให้งดการไต่สวนก็ถือว่าคดีเสร็จการพิจารณา ศาลชั้นต้นจึงวินิจฉัยชี้ขาดโดยมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยทั้งสองเสียได้ และคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ว่าหากจำเลยทั้งสองประสงค์ที่จะอุทธรณ์ ให้นำค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์มาวางศาลภายใน 7 วัน นับแต่วันนี้ มิฉะนั้นถือว่าไม่ติดใจอุทธรณ์ ถือเป็นส่วนหนึ่งของคำวินิจฉัยชี้ขาดคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งถือว่าจำเลยทั้งสองได้ทราบแล้วในวันนัดไต่สวนคำร้องดังกล่าว โดยศาลชั้นต้นไม่มีหน้าที่ต้องแจ้งคำสั่งดังกล่าวให้จำเลยทั้งสองทราบอีก เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยทั้งสองมิได้นำเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ไปวางศาลภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นได้กำหนดไว้ ทั้งยังมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งต้องใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาล ชอบที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง ไม่มีเหตุตามกฎหมายและพฤติการณ์แห่งคดีอันสมควรที่จะเพิกถอนคำสั่งไม่รับคำฟ้องอุทธรณ์โดยกำหนดระยะเวลาให้จำเลยทั้งสองนำเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์มาวางศาลใหม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องของจำเลยทั้งสองนั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน