แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขายนาสินเดิมไปแล้วเอาเงินไปซื้อนาอีกแปลงหนึ่งในวันเดียวกันนั้นเองดังนี้แสดงให้เห็นชัดว่าได้ทรัพย์ใหม่นั้นมาแทนทรัพย์เก่าทรัพย์ใหม่ที่ได้มาจึงเป็นสินเดิม
มาตรา 1464 บัญญัติไว้เป็นหลักกว้างๆ รวมทั้งสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ว่าการยกให้สังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ใดให้เป็นสินส่วนตัวให้ทำเป็นหนังสือโดยไม่บัญญัติว่าจะต้องจดทะเบียนหรือไม่ก็เมื่อการยกอสังหาริมทรัพย์ให้กันโดยธรรมดา กฎหมายบังคับให้จดทะเบียนจึงจะสมบูรณ์ ดังนั้นการยกอสังหาริมทรัพย์ใดให้เป็นสินส่วนตัวก็จะต้องจดทะเบียนด้วยจึงจะสมบูรณ์
ย่อยาว
คดีนี้ได้ความว่าโจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ก่อนสมรสจำเลยที่ 1 ได้รับมรดกที่ดินโฉนดที่ 5434 จากบิดา (ในโฉนดมีชื่อบิดาและอาของจำเลยเป็นเจ้าของร่วม) เพิ่งได้รับโฉนดใหม่โดยแบ่งแยกจากโฉนดเดิม (ที่ 5434) ระหว่างโจทก์จำเลยที่ 1 เป็นสามีภริยากันแล้วคือโฉนดที่ 6571 ระหว่างสมรสจำเลยที่ 1 ได้โอนขายโฉนดที่ 6571 และในวันเดียวกันนั้นเองได้ซื้อที่ดินโฉนดที่ 4746 ลงชื่อจำเลยที่ 1 ผู้เดียว ต่อมานายเสมผู้เป็นตาจำเลยที่ 1 โอนยกที่ดินโฉนดที่ 4764 ให้แก่จำเลยที่ 1 ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้โอนขายที่นาทั้งสองโฉนด (4746 และ 4764) ให้แก่จำเลยที่ 2 โดยโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมด้วยแล้วจำเลยที่ 1 จึงฟ้องหย่าขาดกับโจทก์ โจทก์จึงฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้ขึ้น
โจทก์ฟ้องว่าที่ดินทั้งสองโฉนดเป็นสินสมรส จำเลยที่ 1 โอนขายให้จำเลยที่ 2 ไปโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ การซื้อขายเป็นไปโดยไม่สุจริต ขอให้ศาลพิพากษาว่าการโอนซื้อขายให้ที่ดินกลับสู่สภาพสินสมรส แล้วแบ่งให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง และให้เอาสินสมรสหักใช้สินเดิมของโจทก์ 750 บาทอีกด้วย
จำเลยที่ 1 ต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีสินเดิม นาโฉนดที่ 4746 เป็นสินเดิมของจำเลยที่ 1 นาโฉนดที่ 4764 เป็นสินส่วนตัว ที่ดินทั้งสองแปลงจำเลยขายไปโดยสุจริต
จำเลยที่ 2 ต่อสู้ว่า จำเลยรับซื้อไว้โดยสุจริตและมีค่าตอบแทน
ศาลชั้นต้นฟังว่าโฉนดทั้งสองคือที่ 4746 และที่ 4764 จำเลยที่ 1 ซื้อและได้รับยกมาระหว่างจำเลยเป็นภริยาโจทก์ต้องถือว่าเป็นสินสมรส หนังสือยกให้ว่ายกให้เป็นสินส่วนตัวมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงใช้ไม่ได้พิพากษาให้ทำลายการโอนซื้อขายนาพิพาท ให้แบ่งเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โฉนดที่ 4746 เป็นสินเดิมของจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 ขายโฉนดที่ 6571 สินเดิมของจำเลยไปแล้วเอาเงินมาซื้อโฉนดที่ 4746แม้จำนวนเงินไม่เท่ากันจำเลยก็นำสืบฟังได้ว่า ที่ลงจำนวนเงินในสัญญาซื้อขายน้อยแก่ความจริงนั้นเพื่อเสียค่าธรรมเนียมน้อย
ส่วนโฉนดที่ 4764 นั้นสัญญาให้กรรมสิทธิ์และการแก้ทะเบียนหลังโฉนดที่ 4764 ซึ่งนายเสมยกให้มิได้ระบุว่าให้เป็นสินส่วนตัวตามมาตรา 1464จึงไม่มีผลเป็นสินส่วนตัวของจำเลย
พิพากษาแก้ศาลชั้นต้นว่า นาโฉนดที่ 4746 เป็นสินเดิมของจำเลยที่ 1 ไม่จำเป็นต้องเพิกถอนการซื้อขาย นอกจากนี้ยืน
โจทก์จำเลยทั้งสองต่างฎีกา
โจทก์ฎีกาขอให้ที่นาโฉนดที่ 4746 เป็นสินสมรสแล้วแบ่งให้โจทก์
จำเลยฎีกาขอให้นาโฉนดที่ 4764 เป็นสินส่วนตัวของจำเลยที่ 1ตามความในมาตรา 1464
สำหรับนาโฉนดที่ 4746 นาพิพาทศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 ขายนาสินเดิมไป แล้วได้เอาเงินนั้นซื้อนาพิพาทในวันเดียวกันนั้นเอง แสดงให้เห็นว่าได้ทรัพย์ใหม่มาแทนทรัพย์เก่าตรงตามมาตรา 1465 ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
ส่วนฎีกาของจำเลยที่โต้เถียงว่า มาตรา 1464 บัญญัติไว้เพียงให้มีหนังสือไว้เท่านั้นว่าเป็นสินส่วนตัว ไม่บังคับว่าต้องจดทะเบียนด้วยนั้น เห็นว่าตามตัวบทมาตรานี้บัญญัติไว้เป็นหลักกว้าง ๆ รวมทั้งสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ เมื่อทรัพย์ที่ยกให้นั้นเป็นที่ดินอันมีโฉนดแผนที่แล้วกฎหมายบัญญัติไว้ชัดว่าการให้ที่ดินต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงจะสมบูรณ์เมื่อจำเลยได้รับนาพิพาท (โฉนดที่ 4764) โดยไม่มีข้อความระบุให้เป็นสินส่วนตัว นาพิพาทนี้จึงต้องเป็นสินสมรส พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์จำเลย