แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจตนาของผู้กระทำผิดฐานรับของโจรนั้นต้องดูตามพฤติการณ์ทั่วๆ ไปประกอบกัน
เมื่อได้ความว่าจำเลยซื้อนาฬิกาของกลางไว้ในราคาถูกประการหนึ่ง ทั้งในชั้นสอบสวนจำเลยก็รับว่าได้รับซื้อไว้โดยรู้ในขณะนั้น(ขณะซื้อ) ว่าเป็นของที่ถูกลักมาพฤติการณ์ต่างๆ เหล่านี้ประกอบกันฟังได้ว่าจำเลยรับของกลางไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของที่ได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย จึงผิดตามมาตรา 321
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสมคบกันลักนาฬิกาของกลางหรือรับไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของร้าย ขอให้ลงโทษ
นายเปื้อมจำเลยรับว่าได้ลักทรัพย์ในเคหสถานตามฟ้อง
นายเพียรจำเลยว่าได้ซื้อนาฬิกาของกลาง 6 เดือนไว้จากจำเลยที่ 1 โดยไม่รู้ว่าเป็นของร้าย เพิ่งมารู้ภายหลังเมื่อถูกจับกุม
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่านายเปื้อมจำเลยผู้เดียวมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 293, 294 แต่นายเปื้อมเป็นเด็กอายุเพียง 13 ปีเศษ ให้เรียกบิดามารดาหรือผู้ปกครองมาทำทัณฑ์บนไว้มีกำหนด 2 ปี ผิดทัณฑ์บนปรับ 200 บาท มิฉะนั้นให้ส่งตัวไปโรงเรียนฝึกอบรมมีกำหนด 2 ปี ให้ยกฟ้องสำหรับนายเพียรจำเลยเสีย ฯลฯ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษนายเพียรจำเลยฐานรับของโจร
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า นายเพียรจำเลยที่ 2 มีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 321 ให้จำคุก 1 ปี ปรานีลดให้ตามมาตรา 59 หนึ่งในสามคงให้จำคุกไว้ 8 เดือน นอกนั้นคงยืน
นายเพียรจำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าการที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยได้รับของกลางไว้โดยรู้แล้วว่าเป็นของที่ได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมายหรือไม่ต้องดูพฤติการณ์ทั่ว ๆ ไปประกอบกันเพื่อสอดส่องให้เห็นเจตนาของจำเลยเรื่องนี้ได้ความว่านายเพียรจำเลยซื้อในราคาถูกประการหนึ่ง ทั้งในชั้นสอบสวนนายเพียรจำเลยก็ให้การรับสารภาพว่าได้รับซื้อไว้โดยรู้ในขณะนั้นว่าเป็นของที่ถูกลักมา พฤติการณ์ต่าง ๆ ประกอบกันเพียงพอให้ฟังว่า นายเพียรจำเลยได้รับนาฬิกาของกลางนี้ไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของที่ได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย
พิพากษายืน