คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 313/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ใหญ่บ้านไปจับจำเลยในคดีที่หาว่าจำเลยเบิกความเท็จแล้วพาตัวไปอำเภอแต่ความปรากฏว่าระหว่างทางผู้ใหญ่บ้านให้จำเลยข้ามคลองไปก่อนและจำเลยว่าจะไปคอยข้างหน้าผู้ใหญ่บ้านอนุญาตดังนี้การที่จำเลยไปแล้วกลับหลบหลีกไม่ไปอำเภอเช่นนี้จะฟังว่าจำเลยหลบหนีในระหว่างคุมขังตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 163 ยังไม่ได้เพราะในระหว่างนั้นจำเลยไม่ได้อยู่ในความควบคุมหรือคุมขังของผู้ใหญ่บ้านได้ความดังนี้แล้วปัญหาอื่นเรื่องผู้ใหญ่บ้านจะมีอำนาจจับกุมและการจับกุมจะต้องมีหมายจับหรือไม่ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2495 จำเลยนี้ถูกนายพร้อมผู้ใหญ่บ้านจับกุมฐานเบิกความเท็จตามคำสั่งของนายอำเภอท่าแซะและในระหว่างจำเลยถูกนายพร้อมควบคุมตัวโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อส่งพนักงานสอบสวน จำเลยได้บังอาจหลบหนีไป ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 163

จำเลยปฏิเสธว่า นายพร้อมผู้ใหญ่บ้านมิได้จับกุมจำเลย จำเลยมิได้หลบหนี

ศาลชั้นต้นเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ยังเป็นที่สงสัยไม่พอฟังลงโทษจำเลย พิพากษายกฟ้อง และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา ศาลสั่งรับฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ใจความว่า การกระทำของนายพร้อมผู้ใหญ่บ้านย่อมเป็นการจับกุมตัวจำเลยโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วและนายพร้อมมีอำนาจจับกุมจำเลยได้โดยไม่ต้องมีหมายจับ การที่จำเลยหลบหลีกไม่ไปอำเภอกับนายพร้อมตามคำสั่ง จึงต้องมีผิดฐานหลบหนีการควบคุมโดยชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 163

ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยเดินทางไปพร้อมกับนายพร้อมผู้ใหญ่บ้านเพื่อไปอำเภอในคดีที่หาว่า จำเลยเบิกความเท็จนั้นจะถือว่า จำเลยถูกควบคุมหรือคุมขังโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ก็ตามแต่คดีก็ได้ความว่าตามที่ศาลล่างฟังมาซึ่งศาลนี้ต้องถือตามว่าระหว่างทางนายพร้อมให้จำเลยข้ามคลองไปก่อนและจำเลยว่าจะไปคอยข้างหน้า นายพร้อมก็อนุญาต การที่จำเลยไปแล้วหลบหลีกไม่ไปอำเภอเช่นนี้จะฟังว่าจำเลยหลบหนีในระหว่างคุมขังตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 163 ยังไม่ได้เพราะระหว่างนั้นจำเลยไม่ได้อยู่ในความควบคุมหรือคุมขังของนายพร้อมแล้ว ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยปัญหาข้ออื่นอีกต่อไป

พิพากษายืน

Share