คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5142/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ร้องเป็นนิติบุคคลซึ่งการให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางอยู่ในขอบวัตถุประสงค์ข้อหนึ่งของผู้ร้อง เมื่อ ส. เช่าซื้อรถของกลางจากผู้ร้องไปแล้ว ผู้ร้องไม่อาจทราบได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกจะนำรถของกลางไปใช้กระทำผิดเมื่อใดการที่ผู้ร้องมาขอคืนรถของกลางภายหลังเกิดเหตุ 1 ปีเศษ ไม่พอฟังว่าผู้ร้องไม่ประสงค์จะได้รถของกลางคืนแต่เป็นการขอคืนเพื่อประโยชน์ของ ส. ผู้เช่าซื้อทั้งการที่ผู้ร้องไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อทั้งที่ ส. ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ 5 งวดสุดท้ายนั้น ก็น่าจะเป็นการให้โอกาสแก่ ส.ซึ่งเป็นลูกค้าชั้นดีและตามพฤติการณ์ไม่ปรากฏว่าส.รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย ที่ผู้ร้องมาขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลาง จึงมิใช่การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตแต่อย่างใดต้องคืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 83 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคสอง, 72วรรคหนึ่ง, 73 ทวิ วรรคสอง และริบรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน พังงา กง – 111ของกลาง

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ของกลางและมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลย ขอให้คืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง

โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่ใช่เจ้าของรถจักรยานยนต์ของกลางและผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการที่จำเลยนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปกระทำความผิด ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษากลับ ให้คืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ของกลางได้ให้นายโส โคกเคียน เช่าซื้อ ระหว่างเช่าซื้อจำเลยนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปใช้กระทำความผิดคดีนี้ มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ผู้ร้องขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลางเพื่อประโยชน์แก่นายโส อันเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตหรือไม่ เห็นว่า ผู้ร้องเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด การให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางอยู่ในขอบวัตถุประสงค์ข้อหนึ่งของผู้ร้อง หลังจากให้นายโสเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางไปแล้ว ผู้ร้องไม่อาจทราบได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกจะนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปใช้กระทำความผิดเมื่อใด การที่ผู้ร้องมาร้องขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลางในเวลาภายหลังเกิดเหตุถึง 1 ปีเศษ จึงยังไม่พอฟังว่า ผู้ร้องไม่ประสงค์จะได้รถจักรยานยนต์ของกลางคืน แต่เป็นการขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลางเพื่อประโยชน์แก่นายโสดังที่โจทก์อ้าง ทั้งการที่ผู้ร้องไม่ได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อทั้งที่นายโสผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อติดต่อตั้งแต่งวดที่ 21 ถึงงวดที่ 25 อันเป็นงวดสุดท้ายนั้น ก็น่าจะเป็นการให้โอกาสแก่นายโสซึ่งได้ชำระค่าเช่าซื้อตั้งแต่งวดที่ 1 ถึงงวดที่ 20 แก่ผู้ร้องตลอดมาซึ่งถือเป็นลูกค้าชั้นดีและยังคงมีหนี้ค่าเช่าซื้ออยู่จำนวนเพียง 6,800 บาทเท่านั้น ดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 วินิจฉัย นอกจากนั้นตามพฤติการณ์แห่งคดีก็ไม่ปรากฏว่านายโสได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย จึงไม่มีข้อส่อพิรุธว่า ผู้ร้องขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลางเพื่อประโยชน์แก่นายโส อันเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตแต่อย่างใด ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษามานั้น ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share