คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2343/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการสมาคมชาวจีนไหหลำแห่งภาคใต้มีหน้าที่เขียนแจ้งคำบอกกล่าวสมาชิก เขียนใบรับเงิน ลงนามรับเงินในใบรับเงินเก็บเงิน รับเงินและออกใบรับเงินต่าง ๆ จำเลยได้รับเงินค่าสมัครเป็นสมาชิกเงินบำรุงและค่ามรณะสงเคราะห์ฌาปนกิจไว้หลายคราวแล้ว จำเลยยักยอกเงินนั้นบางส่วนเช่นนี้เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์หลายกรรม แต่ละกรรมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 บทเดียว ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 353 เพราะแม้จำเลยจะเป็นผู้เก็บรักษาเงิน แต่จำเลยก็ไม่มีอำนาจจัดการกับเงินนั้น และสมาคมนี้มีสมาชิกเฉพาะชาวจีนไหหลำจำเลยเป็นผู้จัดการสมาคมนี้ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยอยู่ในฐานะเป็นผู้มีอาชีพอันเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนตามมาตรา 354

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า สมาคมชาวจีนไหหลำแห่งภาคใต้ได้จดทะเบียนเป็นสมาคมแล้วมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่จังหวัดสงขลา จำเลยนี้ได้รับแต่งตั้งจากคณะกรรมการของสมาคมให้เป็นผู้จัดการ มีหน้าที่เขียนแจ้งคำบอกกล่าวสมาชิก เขียนใบรับเงิน ลงนามรับเงินในใบรับเงินเก็บเงิน รับเงิน และออกใบรับเงินต่าง ๆ ของสมาคมตลอดจนเก็บรักษาเงินต่าง ๆ ไว้ชั่วคราวก่อนส่งต่อเหรัญญิก จำเลยได้กระทำผิดหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายหลายครั้ง โดยจำเลยได้รับเงินค่าสมัครเป็นสมาชิก เงินบำรุง เงินค่ามรณะสงเคราะห์ฌาปนกิจ ซึ่งเป็นเงินของสมาคมนี้และจำเลยต้องส่งมอบต่อเหรัญญิก รวมเป็นเงิน ๒๙๓,๒๖๕ บาท จำเลยส่งมอบต่อเหรัญญิกเพียงบางส่วน และยักยอกเอาไปเองหรือให้บุคคลอื่นเอาไปโดยทุจริตเป็นเงิน ๔๐,๙๑๙ บาท เป็นการกระทำผิดหน้าที่ที่สมาคมมอบหมาย และเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนจนเกิดเสียหายแก่ประโยชน์ของสมาคม ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑, ๓๕๒, ๓๕๓, ๓๕๔
จำเลยให้การปฏิเสธ
สมาคมไหหลำแห่งภาคใต้ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่าโจทก์และโจทก์ร่วมสืบไม่ได้ความสมข้อหาตามฟ้อง พิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยได้กระทำผิดจริงดังฟ้อง พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒, ๓๕๓, ๓๕๔ อันเป็นความผิดหลายกรรมต่างวาระกันและเป็นความผิดหลายบท ซึ่งมีโทษเท่ากันในแต่ละกรรม จึงให้ลงบทและกระทงหนักตามมาตรา ๓๕๔ ประกอบด้วยมาตรา ๙๐, ๙๑
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วเป็นฟ้องกับศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นผู้จัดการของสมาคมโจทก์ร่วม มีหน้าที่เก็บเงินจากสมาชิกและเคยไปเก็บเงินมาแล้วจริงดังโจทก์นำสืบ จำเลยได้ยักยอกเงินของสมาคมโจทก์ร่วมไปเป็นจำนวน ๘,๐๐๐ บาท โดยยักยอกเงินจำนวนดังกล่าวหลายวาระต่างกัน ส่วนข้อกฎหมายนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าสมาคมโจทก์ร่วมมีสมาชิกเฉพาะชาวจีนไหหลำ จำเลยเป็นผู้จัดการของสมาคมนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยอยู่ในฐานะเป็นผู้มีอาชีพอันเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ตามความในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๔ เฉพาะที่เกี่ยวกับเงินที่จำเลยยักยอกไปนี้จะถือว่าจำเลยได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์ของโจทก์ร่วมด้วยก็ยังไม่ได้ เพราะจำเลยมีหน้าที่เพียงเก็บเงินค่าสมัครเข้าเป็นสมาชิกค่าบำรุง ค่ามรณะ สงเคราะห์ฌาปนกิจและทำบัญชี แม้จำเลยจะเป็นผู้เก็บรักษาเงินก็ไม่มีอำนาจจัดการกับเงินนั้น จะเอาไปใช้จ่ายอะไรไม่ได้ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๓ ด้วย จำเลยคงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒ แต่บทเดียว จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมตามฟ้อง แต่ละกรรมเป็นกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๕๒ ให้ลงโทษกระทงเดียวตามมาตรา ๙๑

Share