คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4366/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

หลังจากผู้ถูกกล่าวหาได้รับการชักชวนจาก ส. ให้นำหลักทรัพย์ที่เป็นโฉนดที่ดินไปใช้ขอให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาที่ศาลแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาได้ไปขอออกหนังสือรับรองราคาประเมินที่ดินทั้งสองแปลงเพื่อนำไปใช้ในเรื่องการกู้ยืมเงินจากธนาคาร แต่เอกสารทั้งหมดผู้ถูกกล่าวหาได้มอบให้ ส. ไป แม้จะปรากฏว่าในครั้งแรกผู้ถูกกล่าวหาไม่สามารถขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหารายใดได้ ก็ไม่ปรากฏสาเหตุที่แน่ชัดว่าเนื่องมาจากหลักทรัพย์ของตนมีราคาต่ำเกินไปหรือไม่ อันอาจทำให้เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหามีส่วนรู้เห็นในการใช้หนังสือรับรองราคาประเมินปลอมในการขอให้ปล่อยชั่วคราวในครั้งต่อไป แต่กลับปรากฏว่าในการขอให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยครั้งเกิดเหตุนี้ มีชายคนหนึ่งเขียนรายละเอียดในเอกสารที่เป็นแบบพิมพ์และให้ผู้ถูกกล่าวหาลงชื่อในคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวและบัญชีทรัพย์ ผู้ถูกกล่าวหามีอาชีพทำนา อายุ 57 ปี เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาอาจจะไม่ได้ตรวจดูเอกสารให้ถี่ถ้วนก็ได้ จึงน่าเชื่อว่าก่อนมีการยื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวได้มีคนบอกให้ผู้ถูกกล่าวหาลงชื่อจริง ซึ่งการลงชื่อของผู้ถูกกล่าวหาก็คงหวังเพียงผลประโยชน์ตอบแทนในการที่นำหลักทรัพย์ของตนมาใช้ขอให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลย โดยผู้ถูกกล่าวหาไม่ทราบว่าหนังสือรับรองราคาประเมินเป็นเอกสารปลอมการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาจึงขาดเจตนาในการใช้หนังสือรับรองราคาประเมินปลอมยื่นต่อศาลชั้นต้น จึงไม่มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากผู้ถูกกล่าวหาได้นำที่ดินโฉนดเลขที่ 28091 และ 28276 ตำบลด่านจาก อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา มาเป็นหลักประกันในการยื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวจำเลย พร้อมทั้งแสดงราคาที่ดินโดยอาศัยหนังสือรับรองราคาประเมินของสำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาโนนไทย จำนวน 2 ฉบับ ความปรากฏต่อมาว่าหนังสือรับรองราคาประเมินของสำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาโนนไทย ทั้งสองฉบับดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ถือว่ากระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31 (ที่ถูก 31(1)), 33 ลงโทษจำคุก 6 เดือน

ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุก 3 เดือน

ผู้ถูกกล่าวหาฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ถูกกล่าวหาว่าผู้ถูกกล่าวหามีเจตนากระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เห็นว่า หลังจากผู้ถูกกล่าวหาได้รับการชักชวนจากนางสำรวยให้นำหลักทรัพย์ที่เป็นโฉนดที่ดินไปใช้ ขอให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาที่ศาลแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาได้ไปขอออกหนังสือรับรองราคาประเมินที่ดินทั้งสองแปลง ซึ่งระบุว่า เพื่อนำไปใช้ในเรื่องการกู้ยืมเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ซึ่งตรงกับที่ผู้ถูกกล่าวหาเบิกความ แต่เอกสารทั้งหมดผู้ถูกกล่าวหาได้มอบให้นางสำรวยไป แม้จะปรากฏว่าในครั้งแรกผู้ถูกกล่าวหาไม่สามารถขอให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหายรายใดได้ ก็ไม่ปรากฏสาเหตุที่แน่ชัดว่าเนื่องมาจากหลักทรัพย์ของตนมีราคาต่ำเกินไปหรือไม่ อันอาจทำให้เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหามีส่วนรู้เห็นในการใช้หนังสือรับรองราคาประเมินปลอมในการขอให้ปล่อยชั่วคราวในครั้งต่อไป แต่กลับปรากฏว่าในการขอให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยครั้งเกิดเหตุนี้ มีชายคนหนึ่งเขียนรายละเอียดในเอกสารที่เป็นแบบพิมพ์ และให้ผู้ถูกกล่าวหาลงชื่อในคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวและบัญชีทรัพย์ ผู้ถูกกล่าวหามีอาชีพทำนา อายุ 57 ปี เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาอาจจะไม่ได้ตรวจดูเอกสารให้ถี่ถ้วนก็ได้ โดยจะเห็นได้ชัดเจนจากบัญชีทรัพย์ในช่องรวมจำนวนเงินทั้งที่เป็นตัวอักษรและตัวเลขว่ามีการเขียนข้อความทับในข้อความเดิม จึงน่าเชื่อว่าก่อนมีการยื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวได้มีคนบอกให้ผู้ถูกกล่าวหาลงชื่อจริง ซึ่งการลงชื่อของผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าวก็คงหวังเพียงผลประโยชน์ตอบแทนในการที่นำหลักทรัพย์ของตนมาใช้ขอให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยโดยผู้ถูกกล่าวหาไม่ทราบว่าหนังสือรับรองราคาประเมินเป็นเอกสารปลอม การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาจึงขาดเจตนาในการใช้หนังสือรับรองราคาประเมินปลอมยื่นต่อศาลชั้นต้น จึงไม่มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ถูกกล่าวหาฟังขึ้น”

พิพากษากลับให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share