คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6216/2560

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้บันทึกคำให้การชั้นสอบสวนเป็นเพียงพยานบอกเล่าแต่ตามสภาพ ลักษณะ แหล่งที่มา และข้อเท็จจริงแวดล้อม น่าเชื่อว่าจะพิสูจน์ความจริงได้ เพราะจำเลยทั้งสองให้การในชั้นสอบสวนหลังเกิดเหตุใกล้ชิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงไม่มีเวลาคิดปรุงแต่งข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่น และในชั้นพิจารณาจำเลยที่ 2 ยังคงเบิกความยืนยันข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 2 รับจ้างขนเมทแอมเฟตามีนโดยใช้รถกระบะของกลางเป็นยานพาหนะ และใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ติดต่อรับขนและรับส่งเมทแอมเฟตามีน โดยไม่มีเหตุให้ระแวงสงสัยว่าจะให้การโดยไม่เป็นความจริง กรณีจึงมีเหตุผลอันหนักแน่นมีน้ำหนักรับฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองใช้รถกระบะของกลางเป็นยานพาหนะไปรับขนเมทแอมเฟตามีนเพื่อนำไปส่งมอบให้แก่ผู้รับ โดยใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางในการติดต่อกับ ส. และผู้มาส่งเมทแอมเฟตามีนของกลาง รถกระบะของกลางจึงเป็นยานพาหนะที่จำเลยทั้งสองได้ใช้ในการขนส่งเมทแอมเฟตามีน และโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางเป็นเครื่องมือสื่อสารที่จำเลยทั้งสองได้ใช้ในการติดต่อรับและส่งเมทแอมเฟตามีนของกลาง รถกระบะและโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางจึงเป็นเครื่องมือ เครื่องใช้ ยานพาหนะ ที่จำเลยทั้งสองได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ อันพึงต้องริบตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 102

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 97, 100/1, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 58, 83 ริบเมทแอมเฟตามีน รถกระบะ และโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่งตามกฎหมาย บวกโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5225/2551 ของศาลอาญาธนบุรี เข้ากับโทษของจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์อ้างเป็นเหตุขอให้เพิ่มโทษ
จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม, 102 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำคุกตลอดชีวิต และปรับคนละ 5,000,000 บาท เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 97 เป็นจำคุกตลอดชีวิต และปรับ 7,500,000 บาท จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 จำคุก 25 ปี และปรับ 2,500,000 บาท บวกโทษจำคุก 6 เดือน ของจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5225/2551 ของศาลอาญาธนบุรี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 เป็นจำคุก 25 ปี 6 เดือน และปรับ 2,500,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 กรณีกักขังแทนค่าปรับให้กักขังเกินกว่าหนึ่งปีได้แต่ไม่เกินสองปี ริบเมทแอมเฟตามีน รถกระบะ และโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษาแก้เป็นว่า ปรับจำเลยทั้งสองคนละ 4,002,000 บาท เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่ง เป็นปรับ 6,003,000 บาท ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 โดยเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก 50 ปี คงจำคุก 33 ปี 4 เดือน และปรับ 4,002,000 บาท สำหรับจำเลยที่ 2 ปรับ 4,002,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้ว คงปรับ 2,001,000 บาท เมื่อรวมกับโทษจำคุกที่ศาลชั้นต้นกำหนดและบวกโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5225/2551 ของศาลอาญาธนบุรี จำคุก 6 เดือน แล้ว เป็นจำคุก 25 ปี 6 เดือน และปรับ 2,001,000 บาท คืนรถกระบะหมายเลขทะเบียน ศง 6367 กรุงเทพมหานคร และโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่อง ของกลางแก่เจ้าของนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันในชั้นฎีการับฟังเป็นยุติว่า วันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน 42,000 เม็ด น้ำหนัก 3,783.870 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 714.520 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยทั้งสองได้พร้อมรถกระบะ หมายเลขทะเบียน ศง 6367 กรุงเทพมหานคร และโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่อง เป็นของกลาง โดยการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ที่ศาลอุทธรณ์ไม่ริบรถกระบะและโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่อง ของกลาง ชอบหรือไม่ เห็นว่า ตามบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสอง ซึ่งให้การหลังเกิดเหตุเพียง 2 วัน ได้ความว่า เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2553 นายสุนัน พี่ของจำเลยที่ 1 ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำกลางคลองไผ่ในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษได้โทรศัพท์ติดต่อว่าจ้างให้จำเลยทั้งสองไปรับเมทแอมเฟตามีนจากคนลาวที่จังหวัดนครพนม เพื่อนำมาส่งให้แก่ผู้ที่จะมารับที่ห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาพระราม 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร โดยให้ใช้รถกระบะของจำเลยที่ 1 เป็นยานพาหนะในการไปรับเมทแอมเฟตามีนและนำมาส่ง จำเลยที่ 1 ได้รับค่าจ้างขนเมทแอมเฟตามีนแล้ว 50,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 2 จะได้รับค่าจ้าง 200,000 บาท ต่อเมื่อส่งเมทแอมเฟตามีนให้แก่ผู้ที่จะมารับแล้ว จำเลยทั้งสองเดินทางด้วยรถกระบะของจำเลยที่ 1 ไปที่จังหวัดนครพนม เมื่อไปถึงผู้ที่จะนำเมทแอมเฟตามีนมาส่งได้โทรศัพท์มาหาจำเลยที่ 2 ให้ขับรถไปจอดที่หน้าโรงแรมศรีเทพ จำเลยที่ 2 นำรถไปจอดแล้วกลับขึ้นมารอที่ห้องพักและได้โทรศัพท์ไปหาผู้ที่นำเมทแอมเฟตามีนมาส่ง จึงทราบว่าเมทแอมเฟตามีนถูกนำมาวางไว้ที่กระบะท้ายรถแล้ว จำเลยทั้งสองจึงนำเมทแอมเฟตามีนไปวางไว้ในรถบริเวณที่วางเท้าด้านหลังคนขับแล้วขับรถไปที่ห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาพระราม 2 เพื่อส่งมอบเมทแอมเฟตามีน โดยเมื่อไปถึงจะมีผู้ติดต่อมาให้นำไปให้บริเวณใด แม้คำให้การดังกล่าวเป็นเพียงพยานบอกเล่า แต่ตามสภาพ ลักษณะ แหล่งที่มา และข้อเท็จจริงแวดล้อมข้างต้น น่าเชื่อว่าจะพิสูจน์ความจริงได้ เพราะจำเลยทั้งสองให้การในชั้นสอบสวนหลังเกิดเหตุใกล้ชิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงไม่มีเวลาคิดปรุงแต่งข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่น และในชั้นพิจารณาจำเลยที่ 2 ยังคงเบิกความยืนยันข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 2 รับจ้างขนเมทแอมเฟตามีนโดยใช้รถกระบะของกลางเป็นยานพาหนะและใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ติดต่อรับขนและรับส่งเมทแอมเฟตามีน โดยไม่มีเหตุให้ระแวงสงสัยว่าจะให้การโดยไม่เป็นความจริง กรณีจึงมีเหตุผลอันหนักแน่นมีน้ำหนักรับฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองใช้รถกระบะของกลางเป็นยานพาหนะไปรับขนเมทแอมเฟตามีนเพื่อนำไปส่งมอบให้แก่ผู้รับโดยใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางในการติดต่อกับนายสุนันและผู้มาส่งเมทแอมเฟตามีนของกลาง รถกระบะของกลาง จึงเป็นยานพาหนะที่จำเลยทั้งสองได้ใช้ในการขนส่งเมทแอมเฟตามีน และโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางเป็นเครื่องมือสื่อสารที่จำเลยทั้งสองได้ใช้ในการติดต่อรับและส่งเมทแอมเฟตามีนของกลาง รถกระบะ และโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางจึงเป็นเครื่องมือ เครื่องใช้ ยานพาหนะ ที่จำเลยทั้งสองได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ อันพึงต้องริบตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 102 ที่ศาลอุทธรณ์ไม่ริบรถกระบะ และโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบรถกระบะ และโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่อง ของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share