คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7068/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์พิมพ์ชื่อจำเลยผิดพลาดก็ตาม แต่เนื้อหาของคำพิพากษาก็วินิจฉัยถึงความผิดของจำเลยผู้ออกเช็คตามที่โจทก์ฟ้อง และวินิจฉัยตามประเด็นที่จำเลยยกมาอุทธรณ์กรณีหามีผลทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นโมฆะถึงกับต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่แต่อย่างใดไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พุทธศักราช 2497 มาตรา 3
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ลงโทษจำคุก 1 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด5 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงข้อเดียวว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นคำพิพากษาลงโทษจำเลยในคดีนี้หรือไม่ ปรากฏว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวได้ระบุชื่อโจทก์ในคดีนี้ถูกต้องแต่ระบุชื่อจำเลยเป็นนางสาวจิตรา สิงปราณีซึ่งความจริงจำเลยคดีนี้มีชื่อว่านางสาวจิตรา สิริปาณี เห็นว่าแม้ในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จะระบุชื่อจำเลยดังกล่าวแต่ในเนื้อหาของคำพิพากษาก็วินิจฉัยถึงความผิดของจำเลยผู้ออกเช็คตามที่โจทก์ฟ้องในศาลชั้นต้น และศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดแล้ว ทั้งคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ก็วินิจฉัยตามประเด็นที่จำเลยยกมาอุทธรณ์ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวจึงเป็นคำพิพากษาลงโทษจำเลยในคดีนี้นั่นเอง เพียงแต่มีการพิมพ์ชื่อจำเลยผิดพลาดไปเท่านั้น หามีผลทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นโมฆะถึงกับจะต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่แต่อย่างใดไม่
พิพากษายืน

Share