คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1386/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยไม่มีความรู้ทางหมอแต่อย่างใด เป็นคนธรรมดาไม่มีสิทธิจะขออนุญาตเพื่อประกอบโรคศิลปะ ได้บังอาจรับฉีดยาบำบัดโรคเพื่อแสวงหาผลประโยชน์และสินจ้าง การกระทำของจำเลยจึงถือได้ว่าเป็นความผิดอยู่ในตัว มิใช่มีสิทธิจะขออนุญาตแต่ไม่ได้ขอ ซึ่งเป็นเพียงความผิดเพราะการที่ไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ยาฉีด เข็มฉีดยา ฯลฯ ของกลางที่จำเลยมีไว้ใช้ในการกระทำผิดจึงเป็นของควรริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจประกอบโรคศิลปะสาขาเวชกรรมเพื่อแสวงหาผลประโยชน์และสินจ้าง โดยรับฉีดยาบำบัดโรคต่าง ๆ แก่ผู้เจ็บป่วยโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนรับอนุญาตตามกฎหมาย เจ้าพนักงานจับได้พร้อมด้วยยาต่าง ๆ น้ำกลั่น เข็มฉีดยา ฯลฯ ซึ่งจำเลยมีไว้และใช้ในการกระทำผิด ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะพ.ศ. 2499 มาตรา 11, 12 (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2490 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32

จำเลยให้การรับสารภาพและกล่าวในคำให้การด้วยว่า จำเลยเองก็ไม่มีความรู้ทางหมอแต่อย่างใด

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะตามที่โจทก์อ้าง ให้จำคุกและปรับ แต่โทษจำให้รอไว้ ส่วนของกลางให้คืนให้จำเลย เพราะไม่ใช่เป็นของที่มีไว้เป็นความผิด

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ริบของกลาง

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ความผิดของจำเลยอยู่ที่จำเลยไม่ได้รับอนุญาต ของกลางจึงมิใช่ทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิด พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำให้การจำเลยปรากฏว่าจำเลยไม่มีความรู้ทางหมอแต่อย่างใด เป็นคนธรรมดาไม่มีสิทธิจะขออนุญาตเพื่อประกอบโรคศิลปะตามกฎหมายได้ ฉะนั้น การกระทำของจำเลยจึงถือได้ว่าเป็นความผิดอยู่ในตัว มิใช่จำเลยมีสิทธิจะขออนุญาตแต่ไม่ได้ขอซึ่งเป็นเพียงความผิดเพราะการที่ไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น เมื่อจำเลยมีของกลางไว้ใช้ในการกระทำผิด จึงเป็นของควรริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 พิพากษาแก้ ให้ริบของกลางนี้เสียด้วย

Share