คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 399/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ซื้อกับผู้ขายทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทกันผู้ขายได้รับชำระค่าที่ดินไปเกือบหมดแล้ว และผู้ซื้อก็ได้เข้าครอบครองปลูกเรือนลงในที่ดินนั้นเรียบร้อยแล้ว ยังแต่ผู้ขายจะไปทำการแบ่งแยกโฉนดที่พิพาทให้เป็นของผู้ซื้อเท่านั้น ผู้ซื้อกลัวว่าผู้ขายจะโกงบิดพลิ้วไม่ยอมโอนที่พิพาทในภายหลังจึงขอร้องให้ผู้ขายไปทำสัญญาจำนองเป็นประกันเงินราคาที่ดินที่ซื้อขายกันซึ่งได้ชำระไปแล้วให้อีก โดยผู้ซื้อไม่คิดเอาดอกเบี้ยในการจำนองเว้นแต่ผู้ขายบิดพลิ้วโกงไม่ยอมโอนขายที่ดินให้ตามสัญญาจะซื้อขายจึงจะเอาสัญญาจำนองมาฟ้องบังคับเรียกราคาที่ดินที่ได้ชำระไปแล้วคืนจากผู้ขายดังนี้ สัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทเป็นเจตนาที่แท้จริงของคู่สัญญา แต่สัญญาจำนองก็ไม่ใช่นิติกรรมอำพรางหากเป็นนิติกรรมอีกอันหนึ่งที่คู่กรณีสมัครใจตกลงทำขึ้นเพื่อเป็นการค้ำประกันเงินที่ผู้ซื้อได้ชำระราคาที่ดินไปแล้ว สัญญาจำนองจึงไม่เป็นโมฆะแต่ตราบใดที่ผู้ขายยังมิได้ผิดสัญญาจะซื้อขาย โดยผู้ขายยังมิได้บิดพลิ้ว ไม่ยอมโอนขายที่ดินให้แก่ผู้ซื้อแล้วผู้ซื้อก็จะนำสัญญาจำนองมาฟ้องบังคับผู้ขายยังไม่ได้

Share