คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยแจ้งความตำรวจว่าโจทก์ทำรั้วรุกล้ำเข้าไปในเขตบ้านจำเลยนั้นหากความจริงปรากฏว่าโจทก์ได้กั้นรั้วขึ้นตรงที่ๆ จำเลยทำราวตากผ้าและตรงนั้นเป็นด้านหลังห้องที่จำเลยเช่าจากโจทก์ซึ่งโจทก์เคยผ่อนผันให้จำเลยทำราวตากผ้าได้เดินผ่านไปใช้สะพานท่าน้ำได้ดังนี้จำเลยย่อมน่าจะเข้าใจโดยสุจริตใจได้ว่าเมื่อโจทก์มาทำรั้วกั้นเสียเช่นนี้จำเลยย่อมเสียสิทธิในการใช้และเข้าใจว่าจำเลยถูกกลั่นแกล้งขัดขวางสิทธิฉะนั้นจะว่าจำเลยแจ้งความเท็จมีความผิดในทางอาญายังไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยแจ้งความเท็จว่าโจทก์ทำรั้วรุกล้ำเข้าไปในเขตบ้านของจำเลย เจ้าพนักงานจึงจับโจทก์ไปกักขังขอให้ลงโทษ

จำเลยให้การว่าไม่ได้ทำผิด โจทก์กั้นรั้วไม่ให้จำเลยออกไปสู่ท่าน้ำดังที่เคยมาเป็นการรบกวนสิทธิของจำเลย ๆ จึงไปแจ้งเจ้าพนักงาน

ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยกระทำผิดจริง พิพากษาลงโทษ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จำเลยไปแจ้งความว่าโจทก์ทำรั้วรุกล้ำเข้าไปในเขตบ้านของจำเลยนั้น ความจริงก็ปรากฏว่าทางโจทก์ได้กั้นรั้วขึ้นตรงที่ ๆ จำเลยทำราวตากผ้าจริง และตรงบริเวณแถบที่นี้ก็เป็นด้านหลังห้องที่จำเลยเช่า ซึ่งทางโจทก์เองก็เคยผ่อนผันให้จำเลยได้ใช้สิทธิทำราวตากผ้าได้ เดินผ่านไปใช้สะพานท่าน้ำริมคลองได้ดังนี้ จำเลยย่อมน่าจะเข้าใจโดยสุจริตใจได้ว่า เมื่อถูกโจทก์มาทำรั้วกั้นเสียเช่นนี้ จำเลยก็ย่อมเสียสิทธิในการใช้ที่แถบนั้น แม้ในสัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยจะไม่ได้กล่าวระบุไว้ถึงการให้เช่าห้องแถวรวมไปถึงที่ดินบริเวณด้านหลังห้องเช่าของจำเลยก็จริงแต่พฤติการณ์ที่โจทก์เองก็เคยยินยอมผ่อนผันให้จำเลยได้ใช้สิทธิในที่ดินด้านหลังห้องแถวของจำเลยด้วยดีตลอดมาจนกระทั่งโจทก์มาริกั้นรั้วเพื่อไม่ให้จำเลยได้มีโอกาสใช้ที่ดินแถบนั้น จะไม่ให้จำเลยเข้าใจได้อย่างไรว่าจำเลยถูกกลั่นแกล้งขัดขวางสิทธิของเขาและเมื่อจำเลยไปแจ้งความต่อตำรวจมีข้อความว่าโจทก์กั้นรั้วรุกล้ำเขตบ้านของจำเลย จะว่าจำเลยแจ้งความเท็จมีความผิดในทางอาญาได้อย่างไร พิพากษายืน

Share