คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3501/2545

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ไม่มีกฎหมายกำหนดให้พนักงานเดินหมายต้องไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยในเวลาราชการจึงจะชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 74 แม้พนักงานเดินหมายจะมิได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องในเวลาราชการก็หาทำให้ไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในคดีที่มีการพิจารณาโดยจำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้แก่โจทก์หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระก็ให้ยึดที่ดินที่จำนองไว้พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ หากได้เงินไม่ครบก็ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ หลังจากส่งคำบังคับให้จำเลยทั้งสองทราบแล้ว จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมายจำเลยทั้งสองไม่เคยรับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไม่ทราบว่าถูกฟ้อง ขอให้ศาลเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การขอเพิกถอนกระบวนพิจารณาผิดระเบียบต้องยกขึ้นว่ากล่าวเสียก่อนมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคสอง แต่จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วจึงเป็นการไม่ชอบ

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่า ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาผิดระเบียบหรือไม่ ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2542 โจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้ โดยระบุว่า จำเลยทั้งสองอยู่บ้านเลขที่ 284 ถนนพญาไม้ แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพมหานครวันที่ 9 มิถุนายน 2542 พนักงานเดินหมายไปส่งหมายเรียกซึ่งกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ไว้ด้วยและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยทั้งสองโดยวิธีปิดหมายตามคำสั่งศาลชั้นต้น จำเลยทั้งสองไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา และพิจารณาพิพากษาให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีต่อมาวันที่ 8 พฤศจิกายน 2542 พนักงานเดินหมายไปส่งคำบังคับแก่จำเลยทั้งสองโดยวิธีปิดคำบังคับตามคำสั่งศาลชั้นต้น ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่าในการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง พนักงานเดินหมายไม่ได้ไปส่งที่ภูมิลำเนาของจำเลยทั้งสองนั้น เห็นว่า ข้อเท็จจริงปรากฏตามรายงานการเดินหมายว่า พนักงานเดินหมายไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยทั้งสองที่บ้านเลขที่ 284 ถนนพญาไม้ แขวงสมเด็จเจ้าพระยาเขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร ตรงกับภูมิลำเนาของจำเลยทั้งสองตามฟ้อง ซึ่งจำเลยทั้งสองก็ยอมรับว่าจำเลยทั้งสองมีที่อยู่ตามฟ้องจริง ข้อกล่าวอ้างของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ โดยจะเห็นได้ชัดเจนจากรายงานการเดินหมายซึ่งพนักงานเดินหมายได้ไปส่งคำบังคับแก่จำเลยทั้งสองโดยวิธีปิดคำบังคับณ สถานที่แห่งเดียวกันกับที่ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้โต้แย้งว่าการปิดคำบังคับไม่ชอบแต่ประการใด ทั้งหลังจากปิดคำบังคับจำเลยทั้งสองยังได้แต่งตั้งทนายความให้มาคัดหรือถ่ายคำฟ้อง คำเบิกความของโจทก์ สรรพเอกสารทั้งหลาย รายงานการเดินหมายคำพิพากษาและรายงานกระบวนพิจารณาทั้งหมดเพื่อใช้ในการพิจารณาคดีใหม่ต่อสู้คดีต่อไป แสดงให้เห็นว่าพนักงานเดินหมายได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยทั้งสองที่ภูมิลำเนาตามฟ้องโดยชอบแล้ว ทั้งไม่มีกฎหมายกำหนดให้ต้องส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องในเวลาราชการเท่านั้น จึงจะชอบด้วยกฎหมายตามที่จำเลยทั้งสองฎีกา ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 74 บัญญัติว่า “การส่งคู่ความหรือเอกสารอื่นใดโดยเจ้าพนักงานศาลนั้นให้ปฏิบัติดังนี้ (1) ให้ส่งในเวลากลางวันระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก และ (2) …” แม้พนักงานเดินหมายจะมิได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องในเวลาราชการ ก็หาทำให้การกระทำของพนักงานเดินหมายเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่ประการใดไม่ ศาลชั้นต้นจึงมิได้ดำเนินกระบวนพิจารณาผิดระเบียบตามที่จำเลยทั้งสองฎีกา และที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบของจำเลยทั้งสองต้องยกขึ้นว่ากล่าวเสียก่อนมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคสอง หรือไม่นั้น เห็นว่า เมื่อศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องของจำเลยทั้งสองพอวินิจฉัยได้แล้วและได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงตามคำร้องของจำเลยทั้งสองแล้วมีคำพิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น ซึ่งศาลอุทธรณ์มีอำนาจกระทำได้และไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นปัญหาข้อกฎหมายตามที่จำเลยทั้งสองอุทธรณ์อีกเพราะการวินิจฉัยประเด็นข้อกฎหมายดังกล่าวไม่ทำให้ผลของคำพิพากษาเปลี่ยนแปลงไป คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงชอบด้วยกฎหมาย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองทุกข้อฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share