คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 662/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินมีโฉนดของจำเลยมีที่งอกริมตลิ่ง จำเลยย่อมได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่งอกนี้รวมกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามโฉนด เมื่อจำเลยจำนองที่ดินโฉนดนี้และเมื่อโอนที่แปลงนี้เป็นการชำระหนี้จำนอง ถ้าไม่ต้องการจำนองและโอนส่วนที่เป็นที่งอกด้วย จำเลยก็ต้องแสดงเจตนาไว้ให้ชัด มิฉะนั้น ที่งอกนั้นจะต้องติดไปด้วย

ย่อยาว

ได้ความว่า เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2503 จำเลยได้จำนองที่ดินโฉนดที่ 4526 พร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินไว้กับโจทก์ ที่ดินนี้ด้านที่ติดแม่น้ำมีที่งอกออกไปด้วย แต่ในสัญญาจำนองไม่ได้มีข้อความยกเว้นเกี่ยวกับที่งอกนี้ วันที่ 29 สิงหาคม 2504 จำเลยโอนที่ดินที่จำนองให้โจทก์เป็นการชำระหนี้ โดยไม่มีข้อความยกเว้นที่งอกไว้เช่นกัน ต่อมา โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยออกไปจากที่ จำเลยก็ไม่ออกเป็นเหตุให้โจทก์เสียหาย คดีมีปัญหาว่า ที่งอกต่อจากที่ดินแปลงที่จำเลยจำนองนี้จะเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ด้วยหรือไม่

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินโฉนดที่ 4526ซึ่งรวมทั้งที่งอกอันเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินแปลงนี้ กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายด้วย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามบทบัญญัติมาตรา 1308 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เห็นได้ว่า จำเลยได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ที่งอกรายนี้รวมกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามโฉนดของจำเลย เวลาจำเลยทำสัญญาจำนองก็ดี เวลาโอนที่แปลงจำนองเป็นการชำระหนี้จำนองให้แก่โจทก์ก็ดีจำเลยไม่ได้แสดงเจตนาสงวนเฉพาะที่งอกรายนี้ว่าเป็นส่วนของจำเลยที่ไม่ต้องการจำนองและไม่ต้องการโอนชำระหนี้จำนองให้แก่โจทก์ด้วยดังนี้ ที่งอกย่อมติดไปด้วยในขณะที่จำเลยจำนองและโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามโฉนดที่ 4526 แก่โจทก์ จำเลยจะเถียงว่าถ้าจะให้ที่งอกเป็นทรัพย์สินซึ่งจำนองและถูกโอนให้โจทก์แล้วก็ต้องกล่าวไว้ให้ชัดแจ้งในเวลาจำนองและโอนด้วยนั้นฟังไม่ขึ้น เพราะจำเลยได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่งอกนี้รวมกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามโฉนดดังกล่าวแล้วหากไม่ต้องการจำนองหรือโอนก็จำต้องกล่าวไว้ให้ชัดเจน พิพากษายืน

Share