คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2995/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เงินที่จำเลยทั้งสามลักเอาจากตู้โทรศัพท์สาธารณะ ไม่ใช่ทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(10) ที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทลงโทษตามมาตราดังกล่าวจึงไม่ถูกต้อง และที่พิพากษาปรับจำเลยทั้งสามคนละ 50 บาท โดยมิได้พิพากษาว่าหากจำเลยทั้งสามไม่ชำระค่าปรับจะจัดการอย่างไรต่อไปสมควรแก้ไขว่าหากจำเลยทั้งสามไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันพาอาวุธมีดปลายแหลมจำนวน 1 เล่ม ไปในถนนในหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร แล้วจำเลยทั้งสามร่วมกันลักเงินจำนวน 3,524 บาท ขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ผู้เสียหาย จากตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ติดตั้งอยู่ในหมู่บ้านหนองป้านไป และขณะที่นายดาบตำรวจสุรชัย สีหาบุญมาก กับพวก เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอนาดูน ทำการตรวจค้นและจับกุมจำเลยทั้งสามในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์อันเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่ จำเลยที่ 1 และที่ 3 โดยมีอาวุธมีดได้ร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ดังกล่าว โดยดิ้นรนขัดขืนและทำท่าทางเข้าทำร้ายนายดาบตำรวจสุรชัยในขณะเข้าจับกุมพวกจำเลย ทั้งนี้ เพื่อมิให้นายดาบตำรวจสุรชัยกับพวกจับกุมไปตามหน้าที่ เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสามพร้อมยึดได้มีด 1 เล่ม เงินชนิดเหรียญต่าง ๆ จำนวน 239บาท ไฟฉาย 2 กระบอก กุญแจผี 2 ดอก และไม้สำหรับเขี่ยเอาเหรียญจากตู้โทรศัพท์1 อัน ซึ่งเป็นอุปกรณ์เครื่องมือที่จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ในการกระทำความผิดเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91, 138, 140,335, 371 ริบของกลางทั้งหมด ยกเว้นเงินจำนวน 239 บาท ของกลางให้คืนผู้เสียหายและให้จำเลยทั้งสามคืนหรือชดใช้เงินจำนวน 3,285 บาท ที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหาย

จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 335, (1)(7)(10) วรรคสอง, 371 จำเลยที่ 1 และที่ 3 ยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรคสอง, 140 วรรคแรก การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันลักทรัพย์จำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน ฐานร่วมกันพาอาวุธไปในหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร ปรับคนละ 100 บาท ฐานร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 3 มีกำหนดคนละ 1 ปีรวมจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 3 มีกำหนดคนละ 2 ปี 6 เดือน และปรับคนละ 100 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี 6 เดือน และปรับ 100 บาท จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1และที่ 3 มีกำหนดคนละ 1 ปี 3 เดือน และปรับคนละ 50 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 9 เดือน และปรับ 50 บาท ริบของกลาง ส่วนเงินจำนวน 239 บาท ของกลางคืนแก่ผู้เสียหาย ให้จำเลยทั้งสามคืนหรือชดใช้เงินจำนวน 3,285 บาทแก่ผู้เสียหาย

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 3 มีกำหนดคนละ 6 เดือน ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว จำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 3 มีกำหนดคนละ 3 เดือน เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 3 มีกำหนดคนละ 1 ปีและปรับคนละ 50 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 1 ฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาขอให้รอการลงโทษจำคุกนั้น เห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับพวกลักเงินขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยผู้เสียหายจากตู้โทรศัพท์สาธารณะนั้น ตามพฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรง นอกจากนี้จำเลยที่ 1 ยังร่วมกับพวกพาอาวุธมีดไปในถนนในหมู่บ้านและทางสาธารณะอีกทั้งจำเลยที่ 1 และที่ 3 โดยมีอาวุธมีดได้ร่วมกันต่อสู้ขัดขวางนายดาบตำรวจสุรชัย สีหาบุญมาก กับพวกซึ่งทำการตรวจค้นและจับกุมจำเลยที่ 1 กับพวก อันเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่อีกด้วย จึงไม่สมควรรอการลงโทษจำคุกให้จำเลยที่ 1 ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 โดยไม่รอการลงโทษให้นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น

อนึ่ง โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามลักเงินจำนวน 3,524 บาท จากตู้โทรศัพท์สาธารณะเงินจำนวนดังกล่าวไม่ใช่ทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(10) ที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทลงโทษตามมาตราดังกล่าวจึงไม่ถูกต้อง และศาลล่างทั้งสองพิพากษาปรับจำเลยทั้งสามคนละ 50 บาท โดยมิได้พิพากษาว่าหากจำเลยทั้งสามไม่ชำระค่าปรับจะจัดการอย่างไรต่อไป จึงเห็นสมควรแก้ไขในส่วนนี้”

พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(10)หากจำเลยทั้งสามไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4

Share