คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 370/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การเช่าที่ดินธรณีสงฆ์ของวัดแม้แต่เดิมผู้เช่าจะได้ทำสัญญาต่อคณะกรรมการอำเภอ ซึ่งเป็นผู้จัดการผลประโยชน์ของวัด แล้วต่อมาทางการได้โอนมาให้เจ้าอาวาสจัดการเอง เมื่อสัญญาเช่าสิ้นอายุและเจ้าอาวาสได้บอกเลิกการเช่าแล้วผู้เช่าไม่ออกไป เจ้าอาวาสย่อมมีสิทธิมอบอำนาจให้ฟ้องขับไล่ผู้เช่าได้ ในฐานะที่เป็นเจ้าอาวาสมีอำนาจตามกฎหมายอยู่แล้ว จึงไม่จำต้องคำนึงถึงว่าการโอนมาให้เจ้าอาวาสจัดการเองนั้น ได้แจ้งให้ผู้เช่าทราบหรือไม่ และไม่ต้องมีการมอบหมายให้มีอำนาจฟ้องคดีอีกชั้นหนึ่ง

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้ พระครู ป. เจ้าอาวาสวัดเฉลิมพระเกียรติได้มอบอำนาจให้ ท. เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองมีใจความว่าคณะกรมการอำเภอเมืองนนทบุรีซึ่งขณะนั้นเป็นผู้จัดการผลประโยชน์ของวัดได้ทำสัญญาให้จำเลยทั้ง 2 เช่าที่นาที่สวนของวัดเฉลิมพระเกียรติไปตามสัญญาท้ายฟ้อง ต่อมากระทรวงศึกษาได้โอนการจัดการผลประโยชน์จากคณะกรมการอำเภอเมืองนนทบุรี มาให้พระครู ป. เจ้าอาวาสจัดการเอง ครั้นสัญญาเช่าสิ้นอายุ พระครู ป. ได้บอกเลิกการเช่าให้จำเลยออกไป จำเลยเพิกเฉยเสีย ขอให้ขับไล่จำเลยต่อสู้ว่า เมื่อกระทรวงศึกษาสั่งโอนไปให้เจ้าอาวาสจัดการเองนั้นไม่ได้แจ้งให้จำเลยทราบ และในคำสั่งมิให้มอบอำนาจให้เจ้าอาวาสมีอำนาจฟ้องคดี พระครู ป. ไม่มีสิทธิมอบอำนาจให้ฟ้อง

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงสมตามฟ้อง และเห็นพ้องกันว่าพระครู ป. มีสิทธิมอบอำนาจให้ ท. ฟ้องคดีนี้ได้ ในฐานะที่พระครู ป. เป็นเจ้าอาวาส พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวาร

จำเลยทั้ง 2 ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาเช่าปรากฏชัดว่า จำเลยเช่าที่นาที่สวนของวัดเฉลิมพระเกียรติโดยคณะกรมการอำเภอฯ เป็นผู้ทำสัญญาเช่ากับจำเลยแทนวัด พระครู ป. มีสิทธิมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ได้เพราะเป็นเจ้าอาวาสมีอำนาจอยู่ตามกฎหมายแล้วที่จะดูแลจัดการผลประโยชน์ตลอดจนดำเนินคดีแทนวัด ซึ่งเป็นนิติบุคคล ไม่จำเป็นต้องมีการมอบหมายให้มีอำนาจฟ้องคดีได้โดยเฉพาะอีกชั้นหนึ่ง

พิพากษายืน

Share