แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งงดสืบพยานนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาและคู่ความมีโอกาสโต้แย้งคำสั่งดังกล่าวก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา แต่ไม่มีคู่ความฝ่ายใดโต้แย้งคำสั่งอุทธรณ์ของโจทก์ที่ขอให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปจึงต้องห้าม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 ที่ศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานต่อไปนั้นจึงไม่ชอบ และศาลฎีกาจำต้องวินิจฉัยพยานหลักฐานเท่าที่ปรากฏในสำนวน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นบุตรของนายจันทร์และนางน้อย นางน้อยมารดาโจทก์ตายเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๓ ก่อนตายนางน้อยมารดาโจทก์มีที่ดินนาอยู่ ๒ แปลง โดยนายบัวบิดาบุญธรรมยกที่ดินนา ๒ แปลงดังกล่าวให้ก่อนนางน้อยมารดาโจทก์ตายประมาณ ๑๕ ปี เมื่อนางน้อยมารดาโจทก์ตายที่ดินนา ๒ แปลงดังกล่าวจึงเป็นมรดกตกทอดแก่โจทก์ทั้งสอง และโจทก์ทั้งสองได้เข้าครอบครองที่ดินนา ๒ แปลงดังกล่าวในฐานะเป็นเจ้าของตลอดมา ครั้น พ.ศ.๒๕๑๖ จำเลยทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอให้นายอำเภอธวัชบุรีออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินนา ๒ แปลงดังกล่าวอ้างว่านายจันทร์บิดาโจทก์ยกให้ นายอำเภอธวัชบุรีหลงเชื่อจึงออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินนา ๒ แปลงดังกล่าวให้จำเลย ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาททั้ง ๒ แปลงเป็นของโจทก์ ฯลฯ
จำเลยที่ ๑ ให้การว่าที่พิพาทเป็นของนายบัว มาตย์พงษ์ ปู่ของจำเลยซึ่งตายเมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๑๔ ก่อนตายนายบัวได้แจ้งการครอบครองที่พิพาทไว้และไม่เคยยกที่พิพาทให้แก่ผู้ใด เมื่อนายบัวตาย มรดกของนายบัวจึงตกทอดแก่นายปัด มาตย์พงษ์ และจำเลยในฐานะเป็นผู้รับมรดกแทนที่นายพัดบิดาจำเลย ฯลฯ
โจทก์ถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ ๒ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นสืบตัวโจทก์ทั้งสองเสร็จแล้วมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์ที่เหลือและพยานจำเลย พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงยังไม่พอฟังว่าจำเลยเข้าแย่งการครอบครองที่พิพาทจากโจทก์ แต่คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งงดสืบพยานนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาและคู่ความมีโอกาสโต้แย้งคำสั่งดังกล่าวก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา แต่ไม่มีคู่ความฝ่ายใดโต้แย้งคำสั่งดังกล่าว อุทธรณ์ของโจทก์ที่ขอให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไป จึงต้อห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๖ ที่ศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานต่อไปนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยและศาลฎีกาจำต้องวินิจฉัยพยานหลักฐานเท่าที่ปรากฏในสำนวน ศาลฎีกาเห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์ทั้งสองฟังไม่ได้ว่า โจทก์ทั้งสองมีสิทธิในนาพิพาททั้ง ๒ แปลงดีกว่าจำเลยทั้งสองจึงต้องฟังว่านาพิพาททั้ง ๒ แปลงเป็นของจำเลยทั้งสอง ไม่ใช่เป็นของโจทก์
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นให้ยกฟ้องโจทก์