แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่าเจ้าพนักงานไปค้นสุราผิดกฎหมาย และจับนายปิ่นไว้ ทันใดนั้นจำเลยนี้มีหลาวไม้รวกและหอกประมาณ 10 คนมีอาวุธครบมือขัดขวางไม่ยอมให้เจ้าพนักงานจับนายปิ่น โดยพวกจำเลยคนหนึ่งร้องกล่าวว่า “พวกผู้ชายมารวมที่นี่ให้หมด วันนี้เป็นวันตายของเราไม่ยอมให้ตำรวจจับเหล้า” ขณะนั้นนายปิ่นได้ถือโอกาสหนีเข้าไปในหมู่พวกจำเลย
ดังนี้ตามฟ้องโจทก์เห็นได้ประจักษ์ว่าเป็นการกระทำของผู้ที่ร้องขึ้นแต่ผู้เดียว ไม่เกี่ยวแก่จำเลยสมคบหรือสมรู้กับผู้ที่ร้องขึ้น แม้ว่าการกระทำของผู้ที่ร้องขึ้นจะเป็นการผิดตามกฎหมายและจำเลยรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าเจ้าพนักงานได้ไปทำการตรวจค้นบ้านนายปิ่นในข้อหาว่าต้มกลั่นสุราโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และได้จับนายปิ่นเพื่อดำเนินคดี ทันใดนั้นจำเลยนี้มีหลาวไม้รวกเป็นศาตราวุธและพวกประมาณอีก 10 คนมีอาวุธครบมือได้ขัดขวางไม่ยอมให้เจ้าพนักงานจับตัวนายปิ่น โดยพวกจำเลยคนหนึ่งกล่าวว่า “พวกผู้ชายมารวมที่นี่ให้หมดวันนี้เป็นวันตายของเรา ไม่ยอมให้ตำรวจจับเหล้า” ขณะนั้นนายปิ่นได้ถือโอกาสหลบหนีเข้าไปอยู่ในหมู่พวกจำเลยโดยทั้งจำเลยและพวกประสงค์จะต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่อันชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ปล่อยจำเลย และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าตามฟ้องโจทก์เป็นที่เห็นได้ประจักษ์ว่าเป็นการกระทำของผู้ที่ร้องขึ้นแต่ผู้เดียว ไม่เกี่ยวแก่จำเลยเมื่อโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยสมคบหรือสมรู้กับผู้ที่ร้องขึ้น แม้ว่าการกระทำของผู้ที่ร้องขึ้นจะเป็นความผิดตามกฎหมายก็ลงโทษจำเลยไม่ได้พิพากษายืน