แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์ทำสัญญาให้จำเลยเข้าที่พิพาทขึ้นใหม่หลังจากทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันเช่นนี้ย่อมถือได้ว่าโจทก์ยอมสละสิทธิที่จะบังคับจำเลยตามสัญญาประนีประนอมยอมความอยู่ในตัวแล้ว จึงต้องว่ากล่าวกันตามสัญญาที่ทำขึ้นใหม่นี้
เมื่อโจทก์หมดสิทธิที่จะบังคับจำเลยตามสัญญาประนีประนอมยอมความกันแล้วก็หาบังคับบริวารจำเลยได้ไม่ ตลอดจนถึงเงินที่โจทก์ได้รับไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นก็ต้องคืนจำเลยเช่นกัน
ย่อยาว
คดีนี้มีปัญหาในชั้นบังคับคดีว่าเมื่อโจทก์จำเลยทำสัญญายอมความกันที่ศาลแล้วต่อมากลับทำสัญญากันใหม่โดยโจทก์ยอมให้จำเลยเช่าที่ปลูกตึกแถวสองชั้นและในยกเลิกสัญญาฉบับที่ทำไว้ก่อนตามที่ยอมความกัน ดังนี้สิทธิของโจทก์ตามคำพิพากษาตามยอมจะระงับไปโดยสัญญาใหม่หรือไม่ และเงินที่จำเลยวางศาลตามที่สัญญายอมความจะควรคืนจำเลยหรือไม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง โจทก์ที่ขอให้บังคับจำเลยและบริวารตามคำพิพากษาและให้คืนเงิน ๓,๙๐๐ บาท แก่จำเลยไป
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่าการที่โจทก์ทำหนังสือสัญญาและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ให้จำเลยเช่าที่รายพิพาทต่อไปใหม่ตั้งแต่วันที่ ๑ พ.ย.๙๔ หลังจากที่ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันเช่นนี้เป็นการที่โจทก์ยอมสละสิทธิที่จะบังคับจำเลยตามสัญญาประนีประนอมยอมความอยู่ในตัวแล้ว ผิดชอบอย่างใดก็จะต้องว่ากล่าวกันตามสัญญาที่ทำขึ้นใหม่ โจทก์จะขอย้อนเอาสัญญาประนีประนอมยอมความมาบังคับจำเลยทั้ง ๆ ที่จำเลยมีสิทธิที่จะได้รับประโยชน์แห่งการเช่าตามสัญญาที่ทำกันขึ้นใหม่นั้นหาชอบไม่
เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิจะบังคับจำเลยตามสัญญาประนีประนอมยอมความกันได้แล้วก็บังคับบริวารจำเลยไม่ได้เช่นเดียวกับตัวจำเลย
ส่วนเงิน ๓,๙๐๐ บาท ก็เช่นเดียวกันเมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิจะบังคับจำเลยตามสัญญาประนีประนอมยอมความได้แล้ว จำเลยก็ชอบที่จะได้รับเงินที่จ่ายให้โจทก์เดิมไป พิพากษายืน