คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1080/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ผู้ตายทำร้ายแล้วขัดขืนไม่ยอมให้จับ ผู้ตายแกว่งมีดจะแทงผู้เข้าจับๆ ถอยล้มลง ผู้ตายจะเข้าแทง ทันใดนั้นจำเลยจะเข้าตีผู้ตายๆ ถือมีดจะมาแทงจำเลยผู้เข้าจับคนนั้นจึงตีผู้ตายล้มลง กำลังผู้ตายจะลุกขึ้นจำเลยก็ตีศีรษะอีก 1 ที ถึงตาย ดังนี้จะเห็นได้ว่าการที่จำเลยตีผู้ตายครั้งหลังขณะที่ล้มอยู่นี้เป็นการกระทำที่เกี่ยวพันกระชั้นชิดกันจึงต้องพิจารณาพฤติการณ์รวมกันไปจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันใช้ไม้ตีศีรษะนายสุขหลายทีถึงแก่ความตายโดยเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษจำเลยปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเห็นว่าการกระทำของนายบัวจำเลย (ตอนท้าย) เมื่อนายสุขถูกนายจันสีจำเลยตีล้มลงแล้ว นายบัวจำเลยยังใช้ไม้ตีหัวซ้ำลงไปอีก 1 ทีนี้เกินสมควรแก่เหตุพิพากษาว่านายบัวมีผิดตาม กฎหมายอาญามาตรา 249, 50, 52, 53 และ 59 คงจำคุก 6 เดือนแต่ให้ปล่อยตัวไปเพราะขังมาพอกับโทษแล้ว ส่วนนายจันสีไม่มีความผิดให้ปล่อยตัวไป

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่านายบัวผู้เดียวมีความผิดตาม มาตรา 249, 59 คงจำคุก 7 ปี 6 เดือน

นายบัวจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยในคดีนี้เป็นการติดต่อเกี่ยวพันกระชั้นชิดโดยตลอด กล่าวคือเมื่อนายสุขผู้ตายขัดขืนไม่ยอมให้จับนายจันสีจำเลยจึงเบี่ยงเข้าข้างตัวจะจับนายสุขเห็นก็แกว่งมีดจะเข้าแทงนายจันสี ๆ ถอยหลังสดุดคันนาล้ม นายสุขจะเข้าแทงนายจันสีทันใดนั้นนายบัวจำเลยก็เข้าตีนายสุขเสียก่อน นายสุขเซเงื้อมีดจะแทง นายบัวจำเลย นายจันสีจำเลยจึงเข้าตีนายสุขล้มลง กำลังนายสุขจะลุกขึ้นมาอีกก็ถูกนายบัวตีที่ศรีษะอีก 1 ทีถึงแก่ความตายดังนี้จะเห็นได้ว่าการที่นายบัวจำเลยเข้าตีศรีษะนายสุขครั้งหลังนี้แม้จะเป็นเวลาที่นายสุขล้มอยู่โดยถูกนายจันสีจำเลยตีก็ดีกรณีจะต้องพิจารณาตามพฤติการณ์รวมกันไป และการที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าการกระทำของนายบัว จำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

จึงพิพากษาแก้ลงโทษนายบัวจำเลยตาม มาตรา 249, 53, 59 ส่วนกำหนดโทษคงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share