แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทายาทผู้เป็นผู้จัดการมรดกด้วย ปกครองทรัพย์มรดกแทนทายาทอื่น แม้จะเกิน 1 ปี ทายาทอื่นก็ฟ้องขอแบ่งได้ไม่ขาดอายุความมรดกตามมาตรา 1754
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยและผู้มีชื่อรวม 6 คน เป็นบุตรนางต่วน ทองปัชโชติ ซึ่งได้วายชนม์เมื่อ พ.ศ. 2486 นางต่วนได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้บุตรทุกคน เว้นแต่ห้องแถวพร้อมทั้งที่ดินตำบลวัดสิงห์ อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ซึ่งตามพินัยกรรมลงวันที่ 8 มีนาคม 2486 ข้อ 3 มีว่าให้เก็บผลประโยชน์ส่งไปประเทศจีน โดยให้จำเลยเป็นผู้จัดการ บัดนี้ ศาลได้พิพากษาในคดีแดงที่ 121/2494 ว่าข้อความในพินัยกรรมไม่ได้ระบุตัวผู้รับแน่นอน ไม่มีผลตามกฎหมายทรัพย์ที่กล่าวจึงควรตกเป็นของทายาทโดยชอบธรรมทั้ง 6 คน โจทก์ได้พูดจากับจำเลยขอให้แบ่ง จำเลยปฏิเสธ และจะถือสิทธิเอาทรัพย์นี้ผู้เดียว โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยแบ่งทรัพย์พิพาทให้โจทก์ 1 ใน 6
จำเลยให้การรับตามฟ้องเกือบทุกประการ แต่ต่อสู้ว่า โจทก์ฟ้องคดีเมื่อเกิน 10 ปีแล้ว ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 หากศาลถือว่าไม่ขาดอายุความก็ขอต่อสู้ว่าโจทก์ไม่เคยพูดกับจำเลยถึงการแบ่งทรัพย์พิพาท จำเลยเคยปรารภอยากจะขายเอาเงินทำบุญและแบ่งกันระหว่างทายาท 6 คน แต่โจทก์กับทายาทบางคนไม่ยินยอม จำเลยได้ใช้จ่ายเพื่อป้องกันทรัพย์พิพาทบ้าง ทำบุญให้เจ้ามรดกบ้าง และยังจะต้องใช้จ่ายต่อสู้คดีกับโจทก์อีกไม่ทราบว่าเท่าไร จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกจะต้องคิดเอาจากมรดกส่วนนี้ จำเลยจึงยังไม่สามารถจัดการแบ่งทรัพย์พิพาทให้แก่โจทก์หรือทายาทอื่นได้ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาข้อกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องอายุความก่อน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24
โจทก์แถลงว่า ถ้าจำเลยยอมรับว่า ระหว่าง พ.ศ. 2486 ถึงพ.ศ. 2491 จำเลยได้ให้นายอรุณ ทองปัชโชติ เป็นผู้จัดการเก็บค่าเช่าทรัพย์พิพาทแทนจำเลย และยอมรับว่า เป็นผู้ดูแลเก็บผลประโยชน์ในฐานผู้จัดการมรดกแล้ว โจทก์ไม่คัดค้านที่จำเลยขอให้ศาลชี้ขาดในข้อกฎหมาย ฝ่ายจำเลยไม่ยอมรับดังนั้น และขอให้ศาลมีคำสั่ง
ศาลจังหวัดชัยนาทสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยและวินิจฉัยว่านางต่วน ทองปัชโชติ ตายมา 11 ปีเศษแล้ว โจทก์จึงฟ้องคดีนี้คดีของโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์เป็นทายาทคนหนึ่งของนางต่วนเจ้ามรดก จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกตลอดมา ก็ต้องถือว่า จำเลยครอบครองมรดกไว้แทนทายาท จำเลยจะยกอายุความมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 ขึ้นตัดฟ้องโจทก์หาได้ไม่จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปความ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาประชุมปรึกษาคดีแล้ว ตามคำให้การของจำเลยยอมรับว่าโจทก์จำเลยต่างเป็นทายาทโดยธรรมของนางต่วนเจ้ามรดกนางต่วนได้ทำพินัยกรรมให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกทรัพย์พิพาทจำเลยก็ได้ทำหน้าที่ผู้จัดการมรดกเป็นลำดับมา เมื่อศาลชี้ขาดว่าพินัยกรรมนางต่วนเฉพาะทรัพย์พิพาทไม่มีผลใช้บังคับ ทรัพย์พิพาทของนางต่วนที่ยังไม่มีผู้รับตามพินัยกรรมโดยธรรมของนางต่วนอนึ่ง โดยที่จำเลยมิได้ต่อสู้ไว้เลยว่า จำเลยได้ปกครองทรัพย์พิพาทเพื่อตนเอง แต่กลับรับว่า ได้กระทำหน้าที่เพียงผู้จัดการมรดก ทั้งจำเลยก็รับอีกว่าเคยปรารภจะขายทรัพย์พิพาทแบ่งให้ทายาทจึงถือได้ว่าจำเลยปกครองทรัพย์พิพาทแทนทายาทโดยธรรมของนางต่วนเหตุที่จำเลยอ้างว่า ไม่สามารถจะจัดการแบ่งทรัพย์พิพาทในขณะนี้เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่ประจักษ์ เพราะฉะนั้นกรณีเช่นนี้จึงยกอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1745 มาใช้บังคับมิได้ ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดไว้ชอบแล้ว
จึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยเสียค่าทนายความชั้นฎีกา 100 บาท แทนโจทก์