คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2564/2545

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คำฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยกระทำความผิดในคดีนี้เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์2544 และจำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ให้ลงโทษปรับในความผิดต่อพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2544 แสดงว่าจำเลยกระทำความผิดในคดีนี้ก่อนที่จะต้องคำพิพากษาให้ลงโทษในคดีดังกล่าว ดังนั้นจำเลยจึงมิใช่ผู้กระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ซึ่งได้รับโทษและพ้นโทษมาแล้วยังไม่ครบห้าปีกลับมากระทำความผิดอีกตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 จึงไม่อาจระวางโทษจำเลยเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ในคดีนี้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2544 เวลากลางวัน จำเลยได้ละเมิดลิขสิทธิ์โดยนำแผ่นซีดีรอมโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (เอ็มพี 3) ที่บันทึกเสียงเพลง ซึ่งมีผู้ทำซ้ำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของบริษัทอาร์ เอส โปรโมชั่น 1992 จำกัด ผู้เสียหาย จำนวน546 แผ่นออกขายและเสนอขายแก่บุคคลทั่วไปเพื่อแสวงหากำไรในทางการค้าโดยรู้อยู่แล้วว่าแผ่นซีดีรอมดังกล่าวเป็นงานที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหาย นอกจากนี้จำเลยได้ประกอบกิจการให้เช่าแลกเปลี่ยนหรือจำหน่ายแผ่นซีดีรอม(เอ็มพี 3) เป็นธุรกิจอยู่ที่แผงลอยในศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์พลาซ่า เขตราชเทวีกรุงเทพมหานครและได้ประโยชน์ตอบแทนจากการจำหน่ายแผ่นซีดีรอม (เอ็มพี 3)ข้างต้น ทั้งนี้จำเลยไม่ได้ใบอนุญาตจากนายทะเบียนประจำกรุงเทพมหานคร และไม่ได้รับการยกเว้นตามกฎหมาย ก่อนหน้านี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษปรับในความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2544 ตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ 925/2544 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.888/2544 จำเลยได้รับโทษและพ้นโทษมาแล้วยังไม่ครบ 5 ปีนับแต่วันพ้นโทษกลับมากระทำความผิดคดีนี้อีก ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 4, 6, 7, 15, 31, 70, 73, 75, 76 พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 มาตรา 4, 6, 34 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91 ให้แผ่นซีดีรอม (เอ็มพี 3) ของกลางตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ จ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กิ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหายและวางโทษจำเลยเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้

จำเลยให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 925/2544 คดีหมายเลขแดงที่ อ.888/2544 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 31(1), 70 วรรคสองพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง,34 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานละเมิดลิขสิทธิ์ระวางโทษเป็นสองเท่าตามมาตรา 73 จำคุก 3 ปี และปรับ 700,000 บาท ฐานประกอบกิจการให้เช่าหรือจำหน่ายเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ได้โดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ 20,000 บาท รวมจำคุก 3 ปี และปรับ 720,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก1 ปี 6 เดือน และปรับ 360,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้แผ่นซีดีรอม (เอ็มพี 3) ของกลางตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ ให้จ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหาย

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า”อนึ่ง ตามคำฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยกระทำความผิดในคดีนี้เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์2544 และจำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางให้ลงโทษปรับในความผิดต่อพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ. 2537 เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2544 ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ดังกล่าวแสดงว่า จำเลยกระทำความผิดในคดีนี้ก่อนที่จะต้องคำพิพากษาให้ลงโทษในคดีดังกล่าว ดังนั้น จำเลยจึงมิใช่ผู้กระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537ซึ่งได้รับโทษและพ้นโทษมาแล้วยังไม่ครบห้าปีกลับมากระทำความผิดอีกตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 จึงไม่อาจระวางโทษจำเลยเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ในคดีนี้ได้ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางระวางโทษจำเลยเป็นสองเท่าสำหรับความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์จึงไม่ถูกต้อง ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้”

พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ระวางโทษจำเลยเป็นสองเท่าสำหรับความผิดต่อพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 โดยความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์เพื่อการค้าให้จำคุก 8 เดือน และปรับ 140,000 บาท ฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยนหรือจำหน่ายเทปและวัสดุโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ 10,000 บาท รวมจำคุก8 เดือน และปรับ 150,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 4 เดือน และปรับ 75,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี และให้คุมความประพฤติจำเลยไว้ 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยฟัง โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติประจำศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง 4 เดือนต่อครั้งมีกำหนด1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง

Share