คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8432/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 4(2) มิได้บัญญัติว่าเครื่องกระสุนปืนมีความหมายถึงพลุแต่ประการใดฉะนั้นพลุสะดุดส่องแสงที่โจทก์ฟ้องจึงไม่นับว่าเป็นเครื่องกระสุนปืน รายงานการตรวจพิสูจน์ของกลางที่ระบุว่าพลุสะดุดส่องแสงของกลางเป็นเครื่องกระสุนปืน เป็นเพียงความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เมื่อกฎหมายมิได้บัญญัติว่าพลุสะดุดส่องแสงเป็นเครื่องกระสุนปืนแล้ว แม้จำเลยจะมีไว้ในครอบครองก็หาเป็นความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนซึ่งนายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32,33, 80, 83, 91, 288 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ,78 และริบของกลาง

จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 5 และที่ 6 ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ 4 ให้การรับสารภาพในข้อหามีและพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน แต่ปฏิเสธในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งหกมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม, 8 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสองประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำเลยที่ 5อายุ 19 ปี ไม่ลดมาตราส่วนโทษให้ ลงโทษจำคุกคนละ 6 เดือน ฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตลงโทษจำคุกคนละ 6 เดือน และจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 55, 78 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้อีกกระทงหนึ่ง ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 คนละ 2 ปีการกระทำของจำเลยทั้งหกเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวมจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2ที่ 3 และที่ 4 คนละ 3 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 5 และที่ 6 คนละ 1ปีคำรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวนของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3และคำรับสารภาพในชั้นพิจารณาของจำเลยที่ 4 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ให้แก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 คนละหนึ่งในสาม ให้แก่จำเลยที่ 4 กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 มีกำหนดคนละ2 ปี คงจำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 1 ปี 6 เดือน ริบของกลาง ข้อหาอื่นให้ยก

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ในความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุจำเลยทั้งหกร่วมกันมีและพาอาวุธปืนไปในสถานที่เกิดเหตุ ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ได้พร้อมพลุสะดุดส่องแสง เอ็ม.49 เอ 1 จำนวน1 ลูก เป็นของกลาง คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า พลุสะดุดส่องแสง เอ็ม.49 เอ. 1 เป็นเครื่องกระสุนปืนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490หรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 4(2)มิได้บัญญัติว่า เครื่องกระสุนปืนมีความหมายถึงพลุ แต่ประการใด ฉะนั้นพลุสะดุดส่องแสงที่โจทก์ฟ้องจึงไม่นับว่าเป็นเครื่องกระสุนปืนรายงานการตรวจพิสูจน์พลุสะดุดส่องแสงของกลางเอกสารหมาย จ.6 ที่ระบุว่าพลุสะดุดส่องแสงของกลางเป็นเครื่องกระสุนปืนเป็นเพียงความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เมื่อกฎหมายมิได้บัญญัติว่าพลุสะดุดส่องแสงเป็นเครื่องกระสุนปืนแล้ว แม้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 จะมีไว้ในครอบครองก็หาเป็นความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืน ซึ่งนายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามฟ้องของโจทก์ไม่ ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share