แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
คำพิพากษาในคดีก่อนที่ถึงที่สุดซึ่งจำเลยที่ 1 ในฐานะทายาทของ อ. และ จ. เป็นโจทก์ฟ้อง พ. วินิจฉัยว่า พ. ไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ที่ดินยังเป็นทรัพย์มรดกของ อ. และ จ. ที่ตกทอดแก่ทายาท จำเลยที่ 1จึงมีสิทธิในที่ดินดีกว่า พ. โจทก์ซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 ในคดีดังกล่าวต้องถูกผูกพันตามคำพิพากษาในคดีนั้นด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคหนึ่งแม้ในคดีดังกล่าวศาลจะมิได้พิพากษาเพิกถอนสัญญาขายฝากระหว่าง พ. กับโจทก์ที่ได้จดทะเบียนไว้ในใบแทนโฉนดที่ดินที่ พ. ขอออกมาใหม่ โดยฟังว่าโจทก์รับซื้อฝากโดยสุจริตและจดทะเบียนไว้โดยสุจริต แต่โจทก์ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินเพราะ พ. ผู้ขายฝากไม่มีกรรมสิทธิ์ที่จะทำสัญญาขายฝากให้แก่โจทก์ได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสามในฐานะผู้จัดการมรดกของ อ. และ จ. ส่งมอบโฉนดอันเป็นเอกสารสิทธิของที่ดินและการที่จำเลยทั้งสามยึดถือโฉนดที่ดินไว้ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดต่อโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2537 จำเลยที่ 1 อ้างว่าเป็นทายาทของนายอาดและนางจั่น จารุภูมิ ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 4080 ได้เป็นโจทก์ฟ้องนายพิลาป น้อยสะอาดเป็นจำเลยที่ 1 และโจทก์เป็นจำเลยที่ 2 ต่อศาลชั้นต้น เป็นคดีหมายเลขดำที่ 2622/2537 ขอให้เพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นในคดีหมายเลขแดงที่ 1216/2536 ที่นายพิลาป ร้องขอครอบครองปรปักษ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 4080 และเพิกถอนใบแทนโฉนดที่ดินดังกล่าว รายการจดทะเบียนจำนองระหว่างนายพิลาปกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และการจดทะเบียนการขายฝากระหว่างนายพิลาปกับโจทก์ ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 ไม่อาจขอให้เพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นในคดีหมายเลขแดงที่ 1216/2536 และสัญญาขายฝากได้แต่ให้เพิกถอนใบแทนโฉนดที่ดินดังกล่าวปรากฏตามคดีหมายเลขแดงที่ 2927/2538 ของศาลชั้นต้น คดีถึงที่สุด ต้นปี 2539 จำเลยทั้งสามได้ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนายอาดและนางจั่น จารุภูมิศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งตั้งให้จำเลยทั้งสามร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดกโจทก์เป็นผู้รับซื้อฝากที่ดินดังกล่าวไว้โดยสุจริตเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนไว้โดยสุจริต เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี สาขาบางใหญ่ ได้จดทะเบียนการขายฝากที่ดินไว้ในใบแทนโฉนดดังกล่าวและที่ดินดังกล่าวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แล้ว การที่จำเลยที่ 1ฟ้องคดีหมายเลขดำที่ 2622/2537 และอ้างต้นฉบับโฉนดที่ดินดังกล่าวต่อศาล เป็นเหตุให้ศาลเพิกถอนใบแทนโฉนดที่ดินฉบับที่โจทก์ยึดถืออยู่ทำให้โจทก์ขาดเอกสารสิทธิในที่ดิน จำเลยทั้งสองร่วมกันครอบครองต้นฉบับโฉนดที่ดินดังกล่าวในฐานะผู้จัดการมรดกของนายอาดและนางจั่นโดยจำเลยทั้งสองไม่มีสิทธิใด ๆ ในที่ดินจึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันส่งมอบต้นฉบับโฉนดที่ดินเลขที่ 4080ตำบลบางคูเวียงฝั่งใต้ อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี แก่โจทก์และร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ในอัตราวันละ 1,000 บาทนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบต้นฉบับโฉนดที่ดินแก่โจทก์หากจำเลยทั้งสามไม่ส่งมอบต้นฉบับโฉนดที่ดินแก่โจทก์ ขอให้เพิกถอนต้นฉบับโฉนดที่ดินดังกล่าว และให้ถือเอาตามคำพิพากษาไปขอให้สำนักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี สาขาบางใหญ่ ออกใบแทนโฉนดที่ดินดังกล่าวแก่โจทก์ เพื่อให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นเอกสารสิทธิและสามารถไปจดทะเบียนทำนิติกรรมต่าง ๆ ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยทั้งสามให้การว่า เดิมนายอาดและนางจั่น จารุภูมิเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 4080 เมื่อบุคคลทั้งสองถึงแก่กรรมแล้วนายสิน จารุภูมิ ซึ่งเป็นบุตรได้ตกลงให้นายผันน้อยสะอาดบิดานายพิลาปเช่าที่ดินดังกล่าว ต่อมาเมื่อนายสินถึงแก่กรรมแล้วปี 2536 นายพิลาปได้ยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ในที่ดินดังกล่าวต่อศาลชั้นต้นศาลมีคำสั่งให้ที่ดินดังกล่าวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนายพิลาปโดยการครอบครองปรปักษ์ นายพิลาปได้ขอออกใบแทนโฉนดที่ดินดังกล่าวและนำไปจดทะเบียนจำนองแก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2536 ต่อมาวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2537 นายพิลาปแปลงหนี้ใหม่โดยนำใบแทนโฉนดที่ดินดังกล่าวทำนิติกรรมขายฝากให้แก่โจทก์ ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 2622/2537 คดีหมายเลขแดงที่ 2927/2538 ว่านายพิลาปไม่ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 และได้พิพากษาเพิกถอนใบแทนโฉนดที่ดินดังกล่าว คดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว โจทก์ซึ่งรับซื้อฝากที่ดินดังกล่าวจากนายพิลาปจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า เดิมที่ดินโฉนดเลขที่ 4080 ตำบลบางคูเวียงฝั่งใต้ อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี เป็นของนายอาดและนางจั่น จารุภูมิ ซึ่งถึงแก่กรรมไปนานแล้ว ต่อมานายพิลาป น้อยสะอาด ได้ยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวโดยการครอบครองปรปักษ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 4080 ดังกล่าวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนายพิลาป น้อยสะอาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 เป็นคดีหมายเลขแดงที่ 1216/2536 ของศาลชั้นต้นหลังจากนั้นนายพิลาปก็ไปขอออกใบแทนโฉนดที่ดินเลขที่ 4080 และได้นำใบแทนโฉนดที่ดินดังกล่าวไปจดทะเบียนจำนองแก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หลังจากไถ่ถอนจำนองแล้วจึงมาขายฝากแก่โจทก์ ต่อมาจำเลยที่ 1 ในฐานะทายาทของนายอาดและนางจั่นได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายพิลาป น้อยสะอาด และโจทก์คดีนี้เป็นจำเลยที่ 1 และที่ 2 ต่อศาลชั้นต้นขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นในคดีหมายเลขแดงที่ 1216/2536 และขอให้พิพากษาว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 4080 ดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของนายอาดและนางจั่น ขอให้เพิกถอนรายการจดทะเบียนต่าง ๆ ในใบแทนโฉนดที่ดินทั้งหมดและพิพากษาว่า รายการจดทะเบียนขายฝากที่ดินระหว่างนายพิลาปกับโจทก์เป็นโมฆะ ศาลชั้นต้นในคดีดังกล่าวฟังข้อเท็จจริงว่า นายพิลาปไม่ได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 ที่ดินโฉนดเลขที่ 4080 ยังเป็นทรัพย์มรดกของนายอาดและนางจั่นที่ตกทอดแก่ทายาท จำเลยที่ 1 ในฐานะทายาทของนายอาดและนางจั่นจึงมีสิทธิในที่ดินโฉนดเลขที่ 4080 ดีกว่านายพิลาป โจทก์รับซื้อฝากที่ดินจากนายพิลาปไว้โดยสุจริตแต่จำเลยที่ 1 ยังมิได้จดทะเบียนรับโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 4080จึงขอให้เพิกถอนสัญญาขายฝากระหว่างนายพิลาปกับโจทก์ซึ่งได้จดทะเบียนไว้แล้วโดยสุจริต ไม่ได้พิพากษาให้เพิกถอนใบแทนโฉนดที่ดินเลขที่ 4080 ให้ยกคำขออื่น ๆ และให้ยกฟ้องโจทก์เป็นคดีหมายเลขแดงที่ 2927/2538 ของศาลชั้นต้นจำเลยที่ 1 ในคดีนี้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 คดีถึงที่สุด ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งจำเลยทั้งสามเป็นผู้จัดการมรดกของนายอาดและนางจั่นตามคำร้องขอของจำเลยทั้งสาม
มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสามต้องร่วมกันส่งมอบโฉนดที่ดินเลขที่ 4080 ให้แก่โจทก์หรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า ขณะที่นายพิลาปทำสัญญาขายฝากที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 4080ให้แก่โจทก์ ศาลยังมิได้เพิกถอนคำสั่งที่แสดงว่านายพิลาปเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ นิติกรรมการขายฝากระหว่างนายพิลาปกับโจทก์จึงสมบูรณ์และชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 2927/2538ก็มิได้เพิกถอนนิติกรรมการขายฝาก โจทก์จึงมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทนั้น เห็นว่า คำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 2927/2538ของศาลชั้นต้น ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงโดยฟังว่า นายพิลาปไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 4080 โดยการครอบครองปรปักษ์ ที่ดินโฉนดเลขที่ 4080 ยังคงเป็นทรัพย์มรดกของนายอาดและนางจั่นที่ตกทอดแก่ทายาท จำเลยที่ 1 ในฐานะทายาทของนายอาดและนางจั่นจึงมีสิทธิในที่ดินโฉนดเลขที่ 4080 ดีกว่านายพิลาป โจทก์ซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 ในคดีดังกล่าวจึงต้องถูกผูกพันตามคำพิพากษาในคดีดังกล่าวด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคหนึ่ง แม้ในคดีดังกล่าวศาลจะมิได้พิพากษาให้เพิกถอนสัญญาขายฝากระหว่างนายพิลาปกับโจทก์ โดยฟังว่าโจทก์รับซื้อฝากโดยสุจริตและจดทะเบียนไว้โดยสุจริต แต่โจทก์ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเพราะนายพิลาปผู้ขายฝากไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทที่จะไปทำสัญญาขายฝากให้แก่โจทก์ได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสามในฐานะผู้จัดการมรดกของนายอาดและนางจั่นส่งมอบโฉนดที่ดินเลขที่ 4080 อันเป็นเอกสารสิทธิของที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์มรดกของนายอาดและนางจั่นได้ และการยึดถือโฉนดที่ดินเลขที่ 4080ของจำเลยทั้งสามไม่ถือเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยทั้งสามประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงที่ปล่อยให้นายพิลาปไปร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทต่อศาลจนได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทและนำไปจำนองแก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจนกระทั่งไถ่ถอนจำนอง แล้วนำมาขายฝากให้แก่โจทก์ แล้วจำเลยทั้งสามโดยจำเลยที่ 1 เป็นโจทก์ฟ้องคดีหมายเลขแดงที่ 2927/2538 ของศาลชั้นต้น จนศาลได้พิพากษาให้เพิกถอนใบแทนโฉนดที่ดินเลขที่ 4080 ที่โจทก์ยึดถืออยู่ทำให้โจทก์เสียหายเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์นั้น เห็นว่าข้อเท็จจริงดังกล่าวโจทก์เพิ่งยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกา จึงเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน