แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ประกาศของคณะปฏิรูปฯ ฉบับที่ 12 วันที่ 7 ตุลาคม 2519ยกเว้นโทษแก่ผู้นำอาวุธปืนที่ใช้เฉพาะการสงครามไปมอบแก่เจ้าหน้าที่ ไม่คุ้มครองถึงกรณีที่มีอาวุธปืนเพื่อการค้า
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ลงโทษจำเลยที่ 1ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 24, 55, 72, 87 แก้ไขพ.ศ. 2501 ฉบับที่ 3 มาตรา 5, 68 จำคุก 10 ปี โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงคงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 29พฤศจิกายน 2518 เวลากลางวัน เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่ 1 ได้พร้อมด้วยของกลาง โดยค้นได้จากบ้านพักจำเลยที่ 1 และที่ห้องทำงานของจำเลยที่ 1ในโรงเรียนบ้านปากบางสะกอม ตำบลสะกอม อำเภอเทพา จังหวัดสงขลามีอาวุธปืนพกออโตเมติก ขนาด .45 มม. 1 กระบอก แม็กกาซีน 1 อัน กระสุนขนาด .45 มม. 19 นัด อาวุธปืนเร็วแมดเสน 1 กระบอกแม็กกาซีน 1 อัน กระสุนที่ใช้กับปืน 4 นัด ตามเอกสารหมายเลข จ.1 แม็กกาซีนแมดเสน 2 อัน เอกสาร 1ฉบับหมาย จ.2 อาวุธปืนคาร์ไบน์ เอ็มวัน 1 กระบอก บรรจุกระสุน 30 นัดตามเอกสารหมาย จ.4 แม็กกาซีนปืนเอ็ม 16 จำนวน 8 อัน กระสุนเอ็ม 16 จำนวน27 นัด อาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 6 กระบอก กระสุนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน50 นัด เอกสาร 14 แผ่นตามเอกสารหมาย จ.5 ปัญหาที่มาสู่ศาลฎีกาตามฎีกาของจำเลยที่ 1 คงมีว่าจำเลยที่ 1 มีอาวุธปืนของกลางไว้ในครอบครองและเพื่อจำหน่ายหรือไม่ จำเลยที่ 1 ได้รับความคุ้มครองจากคำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 12 ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2519 หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าการยึดอาวุธปืนของกลางได้จากการครอบครองของจำเลยที่ 1 โดยได้จากบ้านพักและห้องทำงานของจำเลยที่ 1 นั้น เมื่อเจ้าพนักงานเข้าตรวจค้นจำเลยที่ 1ก็มีพิรุธให้จำเลยที่ 1 เปิดตู้เหล็ก จำเลยที่ 1 ก็ไม่ยอมเปิด เจ้าพนักงานตำรวจต้องเปิดเองโดยใช้กุญแจอื่นไข พบของกลางซุกซ่อนไว้ เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 1มีอาวุธปืนฯ ของกลางไว้ในครอบครอง ของกลางที่ตรวจค้นได้ก็ล้วนแต่เป็นอาวุธปืนและกระสุนปืนที่ร้ายแรงหลายชนิด จำนวนมาก ทั้งตามเอกสารที่โต้ตอบกันระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ตามเอกสารหมาย จ.3 และ จ.7ก็มีข้อความเป็นเรื่องซื้อขายอาวุธปืนและกระสุนปืน เชื่อได้ว่าเป็นการมีไว้เพื่อการค้าและจำหน่าย ส่วนที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าได้รับความคุ้มครองจากคำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 12 ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2519 จำเลยที่ 1จึงไม่ต้องรับโทษนั้น เห็นว่าประกาศของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 12ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2519 ยกเว้นโทษให้แก่ผู้นำอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนหรือวัตถุระเบิด สำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามไว้ในครอบครองนำไปมอบให้พนักงานเจ้าหน้าที่ภายในเวลาที่กำหนดแล้วไม่ต้องรับโทษนั้น มิได้คุ้มครองถึงกรณีที่มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่มีไว้เพื่อการค้า ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1720/2520 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดสุโขทัย โจทก์ นายวันชัยโสดา กับพวกจำเลย คดีนี้จำเลยมีไว้เพื่อการค้าซึ่งอาวุธปืนฯ 2 ชนิด คืออาวุธปืนฯ ที่ใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม และอาวุธปืนฯ ธรรมดา จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยที่ 1 มานั้นต้องด้วยความเห็นศาลฎีกา ฎีกาจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่โจทก์ฎีกาขอให้ริบของกลางด้วยนั้นศาลฎีกาเห็นว่าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนทั้งหมดเป็นทรัพย์ที่มีไว้เป็นความผิดต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 และการที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายย่อมจะได้ชื่อว่ามีทรัพย์เหล่านั้นไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ด้วย”
พิพากษาแก้ ให้ริบของกลางด้วย