คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5358/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 15 มีความหมายถึง การที่ศาลสั่งในคดีหนึ่งคดีใดให้พิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้ว ก็ให้จำหน่ายคดีซึ่งเจ้าหนี้อื่นฟ้องไว้เสีย โดยมิต้องคำนึงถึงว่า คดีอื่นนั้น ศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในเวลาต่อมาหรือไม่ และ เจ้าหนี้ค่าภาษีอากรย่อมอยู่ในความหมายของคำว่า “เจ้าหนี้อื่น” ใน มาตรานี้ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยค้างชำระหนี้ค่าภาษีอากรแก่โจทก์อยู่จำนวน 542,472.48 บาท จำเลยเป็นบุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย
จำเลยไม่ยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
เดิมศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14 ต่อมาศาลชั้นต้นได้รับรายงานจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า จำเลยได้ถูกศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ ล.749/2531 ของศาลชั้นต้น ระหว่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด โจทก์ บริษัท พี.แอนด์.ที อิมปอร์ตเอกซปอร์ต จำกัด หรือ บริษัท ฟิลลิป แอนด์ โทมัสอิมปอร์ตเอกซปอร์ต จำกัด กับพวก จำเลยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2531 ซึ่งเป็นวันก่อนที่โจทก์จะฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีของโจทก์ออกเสียจากสารบบความ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีของโจทก์แล้ว ศาลชั้นต้นจึงควรพิจารณาคดีของโจทก์ต่อไป ไม่ชอบที่จะมีคำสั่งจำหน่ายคดีของโจทก์นั้น เห็นว่า พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 15 บัญญัติไว้ว่า “ตราบใดที่ลูกหนี้ยังมิได้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าหนี้คนหนึ่งคนใดจะฟ้องลูกหนี้นั้นเป็นคดีล้มละลายอีกก็ได้ แต่เมื่อศาลได้สั่งในคดีหนึ่งคดีใดให้พิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้ว ให้จำหน่ายคดีล้มละลายซึ่งเจ้าหนี้อื่นฟ้องลูกหนี้คนเดียวกันนั้น” บทบัญญัติดังกล่าวจึงหมายความถึง กรณีที่ศาลสั่งในคดีหนึ่งคดีใดให้พิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้ว ก็ให้จำหน่ายคดีซึ่งเจ้าหนี้อื่นฟ้องไว้เสีย โดยมิต้องคำนึงถึงว่า คดีอื่นนั้นศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในเวลาต่อมาหรือไม่เมื่อข้อเท็จจริงในคดีนี้ปรากฏว่า จำเลยได้ถูกธนาคารกรุงเทพ จำกัด เป็นโจทก์ฟ้องเป็นคดีล้มละลายอีกคดีหนึ่งและคดีนั้นศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2531 ก่อนวันที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ กรณีจึงตกอยู่ในบังคับของมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ดังกล่าวข้างต้น ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่ามาตรา 15ดังกล่าวก็หาได้บัญญัติไว้แจ้งชัดว่า คำว่าเจ้าหนี้อื่นนั้นหมายความรวมถึงเจ้าหนี้ค่าภาษีอากรและจังกอบด้วย ทั้งมาตรา 130 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 130 ได้บัญญัติให้เจ้าหนี้ค่าภาษีอากรและจังกอบที่ถึงกำหนดชำระภายในหกเดือนก่อนมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนหนี้อื่น ๆ นั้นเห็นว่า ตามบทบัญญัติในมาตรา 15 ดังกล่าวมิได้บัญญัติยกเว้นถึงเจ้าหนี้ค่าภาษีอากรและจังกอบไว้เป็นพิเศษ จึงต้องรวมอยู่ในหมายความของคำว่า “เจ้าหนี้อื่น” ทั้งบทบัญญัติในมาตรา 130 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ก็เป็นกรณีที่โจทก์จะมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ ซึ่งเป็นคนละเรื่องและคนละขั้นตอนกับคดีนี้”
พิพากษายืน

Share