คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1962/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การถอนคำร้องทุกข์ที่จะทำให้คดีระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) นั้น เป็นเรื่องเจตนาถอนเพื่อยกเลิกไม่เอาความแก่จำเลยต่อไป แต่การถอนคำร้องทุกข์โดยเหตุที่ผู้เสียหายได้นำคดีมาฟ้องศาลเสียเอง หาทำให้คดีระงับไปไม่ คงระงับไปแต่เฉพาะเรื่องการร้องทุกข์โดยศาลย่อมดำเนินคดีเสมือนว่าผู้เสียหายฟ้องคดีต่อศาลโดยไม่มีการร้องทุกข์มาก่อนเท่านั้นเอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350

จำเลยให้การปฏิเสธและตัดฟ้องว่า คดีโจทก์ระงับไปเพราะก่อนฟ้องโจทก์ได้ขอถอนคำร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนแล้ว

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่โจทก์ขอถอนคำร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เนื่องจากได้ฟ้องคดีต่อศาลเสียเองแล้วนั้นสิทธิฟ้องของโจทก์ย่อมไม่ระงับ แต่ตามพยานหลักฐานยังฟังไม่ถนัดว่าจำเลยโอนขายรถยนต์ของตนโดยเจตนามิให้โจทก์ได้รับชำระหนี้จึงยังลงโทษจำเลยไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ลงโทษจำเลยตามฟ้อง

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า การถอนคำร้องทุกข์ที่จะทำให้คดีระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) นั้น พึงเป็นเจตนาถอนเพื่อยกเลิกไม่เอาความแก่จำเลยต่อไป แต่การถอนคำร้องทุกข์โดยเหตุที่นำคดีขึ้นสู้ศาลเองเช่นนี้ คงระงับไปแต่เฉพาะเรื่องการร้องทุกข์ เมื่อโจทก์ฟ้องคดีต่อศาลขึ้นมา ศาลก็ย่อมดำเนินคดีเสมือนว่าโจทก์ฟ้องคดีต่อศาลโดยไม่มีการร้องทุกข์มาก่อนเท่านั้นเอง คดีโจทก์จึงไม่เป็นอันระงับไปดังฎีกาของจำเลย

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงยืนตามศาลอุทธรณ์

Share