แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มาตรา 1386 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยอายุความมาใช้บังคับในเรื่องอายุความได้สิทธิครอบครองด้วยโดยอนุโลม ฉะนั้น จึงนำบทบัญญัติว่าด้วยอายุความสะดุดหยุดลงมาใช้แก่การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองได้
ฟ้องโจทก์ที่ระบุถึงเรื่องโจทก์ไปร้องต่ออำเภอว่าจำเลยบุกรุกล้อมรั้วจำเลยยอมรื้อรั้วกับอำเภอแล้ว เช่นนี้อย่างน้อยก็มีผลเป็นการรับสภาพตามสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงอย่างหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2504 จำเลยกับพวกบังอาจบุกรุกเอาเสาไม้แก่นล้อมรั้วเข้ามาในที่ดินของโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องต่ออำเภอท้องที่ซึ่งได้เรียกไปสอบสวน จำเลยยอมรับจะรื้อแล้ว แต่กลับเพิกเฉย ขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การปฏิเสธและต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยาน แล้วพิพากษาว่าคดีโจทก์ขาดอายุความให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ จึงพิพากษายกให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1386ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยอายุความมาใช้บังคับในเรื่องอายุความได้สิทธิครอบครองด้วยโดยอนุโลม ฉะนั้น จึงนำบทบัญญัติว่าด้วยอายุความสะดุดหยุดลงมาใช้บังคับแก่อายุความได้สิทธิตามมาตรา 1375 ได้ตามฟ้องของโจทก์ที่ระบุถึงเรื่องโจทก์ไปร้องต่ออำเภอโคกสำโรงจังหวัดลพบุรี อำเภอโคกสำโรงฯ เรียกจำเลยไปสอบสวน จำเลยรับว่าจะรื้อถอนรั้วออกไปจากที่ดินของโจทก์นั้น อย่างน้อยก็มีผลเป็นการรับสภาพตามสิทธิของโจทก์ ซึ่งเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามมาตรา 172 และฟ้องของโจทก์ที่ระบุถึงกรณีดังกล่าวนั้นไม่เคลือบคลุม คดีมีเหตุอันสมควรที่จะให้คู่ความนำสืบกันต่อไป
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย