แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ทนายของโจทก์ในคดีเดิมใช้สิทธิขอเข้าเฉลี่ยทรัพย์ในคดีอื่นกระทำได้โดยไม่ต้องแต่งทนายเข้ามาในคดีที่เข้าขอส่วนเฉลี่ยนั้นอีก
ย่อยาว
โจทก์ชนะคดีจำเลยและนำยึดทรัพย์จำเลยที่ 1 ขายทอดตลาดแล้วทนายความในคดีที่นางสาวมลิกับคดีที่นายมีเป็นโจทก์และชนะคดีจำเลยคนเดียวกันนี้ ได้ยื่นคำร้องขอเข้าเฉลี่ยในเงินที่ได้จากการขายนั้น
ในวันนัดพร้อม ตัวความผู้ร้องขอเฉลี่ยได้ยื่นใบแต่งทนายความคนเดิมเข้ามาในสำนวนนี้ แต่โจทก์คัดค้านว่าเมื่อแรกยื่นคำร้องขอเฉลี่ยนั้นไม่ได้แต่งทนายไว้ไม่ยอมให้เข้าเฉลี่ย
ศาลชั้นต้นเห็นว่า แม้ผู้ร้องจะไม่ได้แต่งทนายยื่นพร้อมกับคำร้องขอเฉลี่ยแต่ศาลก็ได้สั่งรับคำร้องขอเฉลี่ยไว้แล้ว สมควรให้ผู้ร้องปฏิบัติเสียให้ถูกต้องโดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 และสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องตั้งทนายเสียให้ถูกต้องแล้วมีคำสั่งให้นายมีผู้ร้องเข้าเฉลี่ยได้ ส่วนสำนวนนางสาวมลินั้น ให้นัดสืบพยานต่อไป เพราะโจทก์ยังค้านว่ามิได้เป็นหนี้กันจริง
โจทก์อุทธรณ์ว่า ที่ทนายผู้ร้องขอเฉลี่ยยื่นคำร้องขอเฉลี่ยในชั้นแรกนั้นไม่มีอำนาจกระทำได้ ทั้งไม่สมควรให้แต่งทนายใหม่ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ปัญหามีว่า ทนายที่แต่งตั้งไว้แล้วในคดีเดิมจะมีสิทธิร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีอื่นโดยไม่มีการแต่งทนายสำหรับการนี้อีกได้หรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 นั้น เจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีอำนาจยื่นคำขอต่อศาลที่ออกหมายบังคับให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้น เพื่อให้ศาลมีคำสั่งยอมให้ตนเข้าเฉลี่ยในทรัพย์สินหรือเงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินนั้นก่อนสิ้นระยะเวลาสิบสี่วัน นับแต่วันขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สิน การที่ทนายของโจทก์ในคดีเดิมที่ขณะคดีมาใช้สิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์ของจำเลยจากโจทก์ในคดีนี้ นับว่าเป็นการดำเนินการแทนตัวความของตนตามที่เห็นสมควรเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวความ จึงเป็นการกระทำได้โดยไม่ต้องแต่งทนายในคดีที่เข้าขอส่วนเฉลี่ยอีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 62 เมื่อวินิจฉัยว่าทนายโจทก์ในคดีเดิมยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์โดยมีอำนาจตามที่ได้รับแต่งตั้งไว้ในคดีเดิมแล้ว ปัญหาที่ว่าควรผ่อนผันสั่งให้โจทก์ (ในคดีเดิม) แต่งทนายคนเดียวกันนี้ขึ้นใหม่ภายหลังวันขายทอดตลาดเกิน 14 วันแล้วหรือไม่นั้นก็ไม่จำต้องวินิจฉัย
พิพากษายืน
