แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พฤติการณ์ที่ถือว่าจำเลยแสดงความคิดเห็น โดยสุจริตในฐานะเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ข้อเท็จจริงได้ความว่า ใน พ.ศ. 2495 เมื่อได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมูนิสต์แล้ว โจทก์ได้ถูกจับและถูกศาลลงโทษ แต่ต่อมาได้รับนิรโทษกรรมพ้นโทษไปครั้นใน พ.ศ. 2502 โจทก์ก็ถูกจับในข้อหาว่ากระทำผิดต่อพระราชบัญญัตินั้นอีกครั้งหนึ่งภายหลังที่นายมนัส นายนคร ถูกจับในความผิดฐานเดียวกันไม่นานก่อนถูกจับครั้งหลังนี้โจทก์ก็ได้รับทุนเดินทางไปยังสหภาพโซเวียตซึ่งเป็นประเทศที่ยึดถืออุดมการณ์คอมมูนิสต์ จำเลยมีหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของคนจีนและมีหน้าที่สืบสวนสอบสวนและปราบปรามบุคคลที่กระทำการอันเป็นภัยต่อชาติ เมื่อสืบสวนได้ความว่าโจทก์มีพฤติการณ์อย่างไร จำเลยก็เบิกความต่อศาลในคดีที่นายมนัสกับพวกถูกฟ้องต่อศาลทหารกรุงเทพฯ ในข้อหาว่ากระทำผิดพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมูนิสต์ โดยพาดพิงถึงโจทก์ว่านายมนัสนายนคร ได้ติดต่อกับโจทก์ซึ่งมีพฤติการณ์เป็นคอมมูนิสต์ เพื่อแสดงว่าบุคคลทั้งสองนั้นน่าจะมีพฤติการณ์ทำนองเดียวกันกับโจทก์สำหรับประกอบการพิจารณาของศาลต่อไป
ศาลแขวงพระนครเหนือไต่สวนมูลฟ้องได้ความดังกล่าวแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า พฤติการณ์ของโจทก์เองเป็นเครื่องแสดงหรือเป็นสื่อชวนให้เกิดความรู้สึกนึกคิดไปได้ว่าโจทก์มีส่วนเกี่ยวข้องนิยมลัทธิคอมมูนิสต์อยู่บ้าง และที่จำเลยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโจทก์ดังนั้น ก็ในฐานะที่จำเลยเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่โดยสุจริตไม่ได้ความว่าจำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองกับโจทก์เป็นส่วนตัวและโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าการแสดงความคิดเห็นของจำเลยเป็นไปโดยไม่สุจริต จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(2) คดีโจทก์ไม่มีมูลที่จะฟ้องเอาผิดแก่จำเลยได้ พิพากษายืน