คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 384/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อปรากฏว่า จำเลยครอบครองที่ดินและถือหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินอยู่แล้วแม้โจทก์จะนำสืบได้ความว่า จำเลยครอบครองที่ดินนั้นมายังไม่ถึง 10 ปี แต่ไม่นำสืบว่าหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินที่จำเลยยึดถืออยู่นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างใดแล้ว โจทก์ก็ต้องแพ้คดี

ย่อยาว

ได้ความว่า โจทก์ได้รับมรดกที่ดิน (ไม่มีหนังสือสำคัญ) จากบิดามารดา ครั้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2485 โจทก์ได้รับเงินจากจำเลย 750 บาท และได้ทำหนังสือสัญญามอบกรรมสิทธิ์ที่ดินรายพิพาทให้จำเลย จำเลยได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินต่อมาจนเจ้าพนักงานรับรองว่าได้ทำประโยชน์ในที่รายนี้แล้ว และได้ออกตราจองแสดงกรรมสิทธิ์ให้แก่ฝ่ายจำเลย ต่อมาโจทก์ขอใช้เงินให้จำเลยและให้จำเลยคืนที่ดินจำเลยไม่ยอม โจทก์จึงฟ้องขอให้ศาลบังคับ

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยเพียงแต่จ่ายเงินให้โจทก์แล้วเข้าครอบครองที่เพื่อเอาเป็นกรรมสิทธิ์ แต่จำเลยครอบครองที่ดินยังไม่ถึง 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 จำเลยจึงยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำเลยคืนสวนให้โจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีปรากฏว่าจำเลยครอบครองที่ดินและถือหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินอยู่ โจทก์มิได้อ้างเหตุแต่ประการใดว่า หนังสือสำคัญสำหรับที่ดินซึ่งจำเลยยึดถืออยู่นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฉะนั้นตราบใดที่จำเลยถือหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินอยู่โดยชอบด้วยกฎหมาย ก็ย่อมมีสิทธิดีกว่าผู้อื่นโจทก์จะอ้างตนว่าเป็นเจ้าของขึ้นมาอีกฝ่ายหนึ่งโดยปล่อยให้หนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่รัฐบาลออกให้เป็นแผ่นกระดาษเปล่า ๆ นั้นไม่ได้ พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

Share