คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 122/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ไม่ได้แสดงตนเป็นคนอื่น เป็นแต่เพียงแสดงฐานะของตนเองเป็นเท็จ ไม่เป็นความผิดตาม มาตรา 342(1)
ไม่ได้หลอกลวงประชาชน หากแต่หลอกลวงผู้เสียหายผู้เดียวเป็นความผิดตาม มาตรา 341 ไม่ใช่ มาตรา 343วรรคต้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ก. เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2502 เวลากลางวันจำเลยกับพวก ที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องบังอาจร่วมกัน โดยทุจริตหลอกลวงนายง้วงเซ็ง แซ่ลี้ ด้วยแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าบริษัทสากลเอนเตอร์ไพรส์ จำกัด โดยจำเลยกับพวกเป็นผู้จัดการตัวแทนบริษัทขอซื้อเครื่องอาหลั่ยรถยนต์ยี่ห้อดอดจ์ 2 เครื่อง และเครื่องอะไหล่รถยนต์ยี่ห้อเชฟ 1 เครื่อง รวม 3 เครื่อง เป็นเงิน 15,200 บาท นายง้วงเช็ง แซ่ลี้ หลงเชื่อจึงได้ส่งมอบเครื่องอะไหล่รถยนต์ 3 เครื่อง ให้แก่จำเลยกับพวกไป ซึ่งความจริงชื่อหรือยี่ห้อที่จำเลยกับพวกกล่าวอ้างมิได้เป็นบริษัทจำกัด

ข. ในวันเวลาที่กล่าวในข้อ ก. จำเลยกับพวกได้บังอาจร่วมกันออกเช็คธนาคารศรีนคร จำกัด สาขาสามแยก สั่งจ่ายเงินสด 15,200 บาท มอบให้แก่นายง้วงเช็ง แซ่ลี้ เป็นการชำระราคาสินค้า แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยเงินในบัญชีไม่พอจ่าย ทั้งนี้โดยจำเลยกับพวกมีเจตนาทุจริตได้ออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น

เหตุเกิดที่ตำบลสุริวงศ์ อำเภอบางรัก และตำบลตลาดน้อย อำเภอสัมพันธวงศ์ จังหวัดพระนคร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 341, 342, 343 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3

จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง

ศาลอาญาพิพากษาว่าจำเลยมีผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342, 343 และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3 แต่การกระทำนี้ต่อเนื่องเป็นกรรมเดียวกันจึงให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342, 343 อันเป็นบทหนัก ให้จำคุกจำเลย 4 เดือน จำเลยรับสารภาพโดยดี ปราณีลดโทษตามมาตรา 78 กึ่งหนึ่งคงจำคุก 2 เดือน

โจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลอาญาลงโทษต่ำกว่าอัตราโทษอย่างต่ำที่กฎหมายกำหนดไว้

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ความผิดของจำเลยไม่เข้าเกณฑ์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342(1) เพราะจำเลยมิได้แสดงตนว่าเป็นคนอื่นแต่ประการใด จำเลยคงมีผิดตามมาตรา 343 วรรคต้น เท่านั้นจึงพิพากษาแก้เฉพาะความผิดว่า จำเลยมีผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343 วรรคต้น นอกจากที่แก้นี้แล้วคงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาว่า จำเลยได้แสดงตนเป็นคนอื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342(1) ขอให้ลงโทษจำเลยให้สูงขึ้น

ศาลฎีกาได้ประชุมปรึกษาคดีนี้แล้ว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 343 วรรคต้น นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยเพราะจำเลยมิได้หลอกลวงประชาชน จำเลยหลอกลวงผู้เสียหายแต่ผู้เดียวเท่านั้น

ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าความผิดของจำเลยต้องด้วยมาตรา 342(1) นั้น ศาลฎีกาได้ประชุมใหญ่แล้ว เห็นว่า เรื่องนี้จำเลยมิได้แสดงตนเป็นคนอื่นแต่อย่างใด เป็นเพียงจำเลยแสดงฐานะของจำเลยอันเป็นเท็จว่าจำเลยเป็นผู้จัดการบริษัทสากลเอนเตอร์ไพรส์ จำกัด เท่านั้นการกระทำของจำเลยจึงไม่เข้าเกณฑ์ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342(1) คำพิพากษาฎีกาที่ 1784/2493 ซึ่งโจทก์อ้างมานั้น ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ จำเลยควรมีความผิดตามมาตรา 341

อย่างไรก็ดี ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อพิจารณาถึงการกระทำของจำเลยแล้ว ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยมาเพียงจำคุกสองเดือนเมื่อลดฐานปรานีแล้วนั้น ต่ำเกินไป จึงพิพากษาแก้ว่า จำเลยมีผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ให้ลงโทษจำคุกจำเลยไว้ 8 เดือนลดฐานรับสารภาพให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลย 4 เดือน

Share