แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้อง คำให้การ แล้วสั่งให้โจทก์นำสืบก่อน โดยไม่ได้กะประเด็นและกะหน้าที่นำสืบลงไป กระบวนพิจารณาที่ศาลทำไปเช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการชี้สองสถาน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์จนได้รับบาดเจ็บศาลได้พิพากษาลงโทษไปแล้ว การที่จำเลยทำร้ายโจทก์นี้ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นเงิน 22,430 บาท ขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลนัดชี้สองสถานและกำหนดหน้าที่ให้โจทก์นำสืบก่อน ก่อนสืบพยานโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้อง ศาลชั้นต้นเห็นว่าศาลได้ชี้สองสถานแล้ว การแก้ฟ้องของโจทก์อาจทำได้ก่อนวันชี้สองสถาน และคดีไม่ได้เกี่ยวกับความสงบฯ ให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า กระบวนพิจารณาที่ศาลทำไปนั้น ไม่เป็นการชี้สองสถานและโจทก์ยื่นคำร้องก่อนวันนัดสืบพยาน ทั้งคำร้องของโจทก์เกี่ยวกับฟ้องเดิม ไม่ต้องห้ามศาลต้องรับคำร้องแก้ไขฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ปัญหามาสู่ศาลฎีกาว่า คดีนี้ได้มีการชี้สองสถานแล้วหรือไม่ ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาว่า “ก่อนทำการชี้ศาลไกล่เกลี่ยแล้ว คู่ความแถลงว่ามีทางตกลงกันได้ แต่วันนี้ตัวความไม่มาศาล ขอให้ได้พบตัวความก่อน ศาลได้พิเคราะห์ฟ้องและคำให้การแล้วประเด็นตกหน้าที่โจทก์นำสืบก่อน ก่อนจะทำการสืบพยานเห็นควรนัดพร้อมเพื่อประนีประนอมกันอีกครั้งก่อน” ศาลฎีกาเห็นว่า ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลดังกล่าว ปรากฏแต่เพียงว่าศาลได้พิเคราะห์ฟ้องและคำให้การเท่านั้น แล้วสั่งว่าประเด็นตกหน้าที่โจทก์นำสืบก่อนโดยศาลไม่ได้กะประเด็นและกะหน้าที่นำสืบลงไป กระบวนพิจารณาที่ศาลทำไปนั้นจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการชี้สองสถาน โดยเหตุนี้ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้ยังไม่ได้มีการชี้สองสถาน ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องขอแก้ไขฟ้องโจทก์แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย