แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 มาตรา 5 บัญญัติให้ผู้ที่ได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนวันที่ใช้ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับโดยไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธ์ที่ดิน แจ้งการครอบครองที่ดินถ้าไม่แจ้งให้ถือว่าบุคคลนั้นเจตนาสละสิทธิครอบครองที่ดิน รัฐมีอำนาจจัดที่ดินได้นั้น เป็นเรื่องระหว่างผู้ครอบครองที่ดินกับรัฐคดีพิพาทระหว่างโจทก์จำเลยซึ่งเป็นราษฎรด้วยกันจึงอ้างการครอบครองใช้ยันกันได้
เมื่อโจทก์เป็นผู้ครอบครองที่ดินแม้จะมิได้แจ้งการครอบครองโจทก์ก็มีอำนาจฟ้องจำเลยผู้เข้ามารบกวนการครอบครองที่ดินของโจทก์หรือโต้แย้งสิทธิโจทก์ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินมือเปล่า ได้ครอบครองติดต่อกันมา 15 ปีแล้ว จำเลยได้นำเจ้าพนักงานที่ดินบุกรุกเข้าไปรังวัดที่ดินโจทก์ ขอให้ศาลห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย โจทก์เช่าที่พิพาทจากจำเลย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ก่นสร้างครอบครองที่พิพาทมา มิได้เช่าที่พิพาทจากจำเลย แม้จำเลยจะได้แจ้งการครอบครองที่ดินของจำเลยเกินเลยมาถึงที่ของโจทก์ และตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 5 จะบัญญัติให้ถือว่าโจทก์มีเจตนาสละสิทธิครอบครอง การสละนั้นก็ไม่ทำให้จำเลยเกิดสิทธิเป็นเจ้าของที่ดินส่วนที่จำเลยแจ้งเกินไว้นั้น และการที่ประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 5 บัญญัติให้ผู้ที่ได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนวันที่ใช้ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ โดยไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน แจ้งการครอบครองที่ดิน ถ้าไม่แจ้งให้ถือว่าบุคคลนั้นเจตนาสละสิทธิครอบครองที่ดิน รัฐมีอำนาจจัดที่ดินได้นั้น เป็นเรื่องระหว่างผู้ครอบครองที่ดินกับรัฐ คดีนี้เป็นกรณีพิพาทระหว่างโจทก์จำเลยซึ่งเป็นราษฎรด้วยกันเอง จึงอ้างการครอบครองใช้ยันกันได้โจทก์มีอำนาจฟ้อง พิพากษายืน