แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ผู้ตายเจาะกำแพงอิฐบล๊อกแล้วมุดเข้าไปในโรงงานเพื่อลักทรัพย์ของจำเลยแต่ผู้ตายไปเหยียบแผ่นไม้สี่เหลี่ยมที่มีกระแสไฟฟ้าผ่านเส้นลวดจนถูกช๊อตจนถึงแก่ความตายถือว่าจำเลยได้กระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายย่อมได้รับนิรโทษกรรมไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา449วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องโดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาว่าโจทก์เคยเป็นภริยาของนาย ณรงค์สุทธิโพธิ์ โดยมิได้จดทะเบียนสมรสมีบุตรด้วยกัน2คนคือเด็กชาย นรินทร์สุทธิโพธิ์ และเด็กหญิง นรีสุทธิโพธิ์ จำเลยเป็นเจ้าของและผู้ครอบครองกิจการโรงงานหล่อโลหะทองเหลืองได้ทำการต่อกระแสไฟฟ้าแรงสูงจากคัทเอาท์เข้ากับเส้นลวดที่ตอกติดไว้กับไม้สองอันทำเป็นแผงสี่เหลี่ยมจตุรัสกว้างประมาณ2ฟุตด้วยความจงใจที่จะทำอันตรายแก่ผู้คนที่เดินมาในโรงงานหากไปกระทบเข้าจะได้รับอันตรายแก่กายหรือชีวิตเด็กชายนรินทร์ได้เดินไปในบริเวณที่จำเลยต่อกระแสไฟฟ้าไว้ทำให้เด็กชาย นรินทร์ได้รับอันตรายจากกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ร่างกายถึงแก่ความตายระหว่างที่เด็กชาย นรินทร์ยังมีชีวิตอยู่เด็กชาย นรินทร์ได้รับค่าจ้างเฉลี่ยวันละ80บาทส่งเสียให้โจทก์และน้องวันละ70บาทขอเรียกค่าเสียหายคิดเป็นเงินเดือนละ1,820บาทเวลา10ปีเป็นเงินจำนวน218,400บาทค่าใช้จ่ายในการปลงศพเด็กชาย นรินทร์และค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่นรวม9,350บาทรวมเป็นเงิน227,750บาทขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงินจำนวน227,750บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่13เมษายน2532ถึงวันฟ้องเป็นเงิน17,081บาทรวมทั้งสิ้น244,831บาทและดอกเบี้ยอัตราร้อยละสิบห้าต่อปีนับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่าบริเวณโรงงานของจำเลยมีรั้วรอบขอบชิดทำด้วยสังกะสีตัวโรงงานก่อด้วยอิฐบล็อกหลังเวลาเลิกงานแล้วจะปิดประตูโรงงานทุกด้านใส่กุญแจและห้ามคนภายนอกเข้าไปวันเวลาเกิดเหตุเด็กชาย นรินทร์งัดสังกะสีรั้วโรงงานบุกรุกเข้ามาแล้วสกัดเจาะกำแพงโรงงานเป็นช่องลอดเข้าไปเพื่อจะลักทรัพย์ที่อยู่ภายในบริเวณโรงงานจึงถูกกระแสไฟฟ้าช็อตถึงแก่ความตายเสียก่อนด้วยความผิดของเด็กชาย นรินทร์เองเด็กชาย นรินทร์แม้มีชีวิตอยู่อาจส่งเสียเลี้ยงดูโจทก์และครอบครัวได้ไม่เกิน10,000บาทค่าใช้จ่ายในการปลงศพไม่เกิน10,000บาทขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์โดยได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์อย่างคนอนาถา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาโดยได้รับอนุญาตให้ฎีกาอย่างคนอนาถา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า”ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าโจทก์เป็นมารดาของผู้ตายผู้ตายมีอายุ15ปีจำเลยเป็นเจ้าของโรงงานโลหะเจริญ เมื่อวันที่13เมษายน2532เวลา3นาฬิกาโจทก์และเจ้าพนักงานตำรวจพบศพผู้ตายถูกกระแสไฟฟ้าช็อตถึงแก่ความตายอยู่ภายในโรงงานของจำเลยประเด็นที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่าจำเลยเป็นผู้ก่อละเมิดและจำต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์หรือไม่นาย สมชัยแซ่เจียม และนาย มโนธรรมเสนีวงศ์ณอยุธยาคนงานของจำเลยเบิกความว่าวันเกิดเหตุเวลา3นาฬิกาโจทก์และเจ้าพนักงานตำรวจไปเรียกให้เปิดประตูโรงงานเมื่อพยานทั้งสองและคนงานอื่นร่วมกันเปิดประตูให้โจทก์และเจ้าพนักงานตำรวจเข้าไปสำรวจภายในโรงงานแล้วพบผู้ตายนอนคว่ำหน้าเพราะถูกไฟฟ้าช็อตถึงแก่ความตายที่ข้างห้องขัดเงาโลหะภายในโรงงานตรวจดูรั้วสังกะสีหลังโรงงานถูกงัดแล้วเจาะกำแพงอิฐบล๊อกออกเป็นโพรงกว้าง1ฟุตขนาดคนลอดได้เชื่อว่าผู้ตายเข้าไปตามโพรงที่เจาะไว้แล้วไปเหยียบแผงลวดที่มีกระแสไฟฟ้าถึงแก่ความตายกำแพงอิฐบล๊อกของโรงงานเคยถูกเจาะมาครั้งหนึ่งแล้วยังจับคนร้ายไม่ได้นาย บุญทิ้งสุกใสพยานจำเลยอีกปากหนึ่งเบิกความว่าพยานเป็นสมาชิกสภาเขต จอมทองพยานได้รับแจ้งจากเจ้าของโรงงานหลายคนรวมทั้งจำเลยว่าบริเวณโรงงานมีขโมยชุกชุมโรงงานของจำเลยถูกขโมยสิ่งของไปหลายครั้งแล้วชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียงเมื่อนำเสื้อผ้าไปตากก็หายเป็นประจำก่อนเกิดเหตุ1ปีพยานกับพวกเดินตรวจท้องที่พบเด็กผู้ชาย3-4คนกำลังขนทองเหลืองออกจากโรงงานของจำเลยพยานจับคนร้ายได้1คนว่ากล่าวตักเตือนแล้วปล่อยตัวไปเห็นว่าขณะที่โจทก์ได้รับแจ้งจากนางสาว ประภาและพบผู้ตายถูกไฟฟ้าช็อตนั้นเวลา3นาฬิกาเป็นยามวิกาลไม่มีเหตุผลใดที่ผู้ตายจะเข้าไปในโรงงานของจำเลยประกอบกับกำแพงอิฐบล๊อกของโรงงานถูกเจาะเป็นโพรงขนาดคนลอดเข้าไปได้และผู้ตายถูกกระแสไฟฟ้าช๊อตถึงแก่ความตายใกล้กับโพรงกำแพงน่าเชื่อว่าผู้ตายเป็นผู้เจาะกำแพงอิฐบล๊อกแล้วเข้าไปในโรงงานของจำเลยเป็นเหตุให้เหยียบถูกเส้นลวดที่ต่อเข้ากับกระแสไฟฟ้าซึ่งคนงานของจำเลยเป็นผู้ทำไว้ทำให้ผู้ตายถูกกระแสไฟฟ้าช็อตถึงแก่ความตายนาย สมชัยนายมโนธรรมนายบุญทิ้ง ร้อยตำรวจโท บรรพต บุญวิศิษฎ์ และพันตำรวจโท สมพลลิมปกาญจน์ พยานทุกคนเบิกความยืนยันว่าบริเวณที่โรงงานของจำเลยตั้งอยู่มีขโมยชุกชุมคนร้ายเข้าไปลักสิ่งของจากโรงงานจำเลยหลายครั้งบางครั้งจับคนร้ายได้เป็นเด็กวัยรุ่นเช่นเดียวกับผู้ตายแต่ส่วนมากจับไม่ได้จำเลยได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐานซึ่งนางสาว ประภานาคชูแก้ว พยานโจทก์ก็เบิกความยอมรับว่าเส้นลวดที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าผ่านไปนั้นมีลักษณะวางไว้เป็นกับดักคนร้ายที่เข้าไปในบริเวณโรงงานเพราะของในโรงงานหายบ่อยข้อที่ว่ามีขโมยเข้าไปลักสิ่งของในโรงงานจำเลยนั้นปรากฏตามภาพถ่ายหมายล.5ว่าบริเวณกำแพงอิฐบล๊อกที่คนร้ายเจาะออกครั้งเกิดเหตุเป็นกำแพงที่มีอิฐบล๊อกซ่อมแซมใหม่อยู่หลายก้อนเชื่อว่าเคยมีคนร้ายเจาะกำแพงอิฐบล๊อกโรงงานของจำเลยแล้วลักเอาสิ่งของจากโรงงานไปคนงานของจำเลยจึงคิดวิธีป้องกันไว้ล่วงหน้าก่อนที่ภยันตรายจะถึงโดยขึงเส้นลวดไว้ที่ไม้สี่เหลี่ยมตั้งอยู่ที่พื้นแล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้ากับเส้นลวดวันเกิดเหตุกำแพงอิฐบล๊อกโรงงานจำเลยถูกเจาะที่เดิมอีกและปรากฏว่าผู้ตายเป็นผู้ที่เข้าไปในโรงงานของจำเลยข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ตายเป็นผู้เจาะกำแพงอิฐบล๊อกแล้วมุดเข้าไปในโรงงานเพื่อลักทรัพย์ของจำเลยแต่ผู้ตายไปเหยียบแผ่นไม้สี่เหลี่ยมที่มีกระแสไฟฟ้าผ่านเส้นลวดจนถูกช๊อตจนถึงแก่ความตายถือว่าจำเลยได้กระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายจำเลยย่อมได้รับนิรโทษกรรมไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา449วรรคหนึ่งที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน