คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7013/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพชั้นจับกุมแต่ชั้นพิจารณาให้การปฏิเสธต่อสู้คดีตลอดมา ส่วนจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นจับกุมตลอดมาจนถึงชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้นวางโทษจำคุกแล้วลดโทษให้จำเลยที่ 2 หนึ่งในสามและลดโทษให้จำเลยที่ 3กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 โจทก์และจำเลยที่ 1อุทธรณ์ ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 3 พอใจในผลของคำพิพากษามิได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษจำคุกจำเลยทั้งสามแต่กลับลดโทษให้จำเลยที่ 2 กึ่งหนึ่ง และลดโทษให้จำเลยที่ 3หนึ่งในสาม ทั้งที่จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธต่อสู้คดีคงให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเท่านั้น และจำเลยที่ 2 ก็พอใจในผลของคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยมิได้อุทธรณ์ ส่วนจำเลยที่ 3 นั้นปรากฏว่าจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นจับกุมตลอดถึงชั้นพิจารณาของศาล ศาลชั้นต้นลดโทษให้กึ่งหนึ่ง แต่ศาลอุทธรณ์กลับลดโทษให้หนึ่งในสามและให้จำคุกจำเลยที่ 3 เกินกว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดโดยที่โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยที่ 3 แต่อย่างใดกรณีดังกล่าว ศาลอุทธรณ์มิได้ให้เหตุผลว่าใช้บทกฎหมายหรือดุลพินิจอย่างไรในการลดโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้ผิดแผกแตกต่างไปจากลักษณะปกติโดยทั่วไป ดังนั้น คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ส่วนนี้จึงไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 65, 66, 67, 102ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91 ริบของกลาง

จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ แต่เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วจำเลยที่ 3 ขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง,66 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83ให้จำคุกคนละ 30 ปี จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ เห็นควรลดโทษให้จำเลยที่ 1และที่ 2 คนละหนึ่งในสาม และลดโทษให้จำเลยที่ 3 กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1และที่ 2 มีกำหนดคนละ 20 ปี และจำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด15ปี ริบของกลาง ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก

โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 25 ปี ลดโทษให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 คนละหนึ่งในสาม และลดโทษให้จำเลยที่ 2 กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 3 มีกำหนดคนละ 16 ปี 8 เดือน และจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 12 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์และจำเลยที่ 3 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์และจำเลยที่ 3 ว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีในส่วนของการลดโทษจำเลยที่ 2และที่ 3 ชอบหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพชั้นจับกุม แต่ชั้นพิจารณาให้การปฏิเสธต่อสู้คดีตลอดมา ส่วนจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นจับกุมตลอดจนถึงชั้นพิจารณาของศาลศาลชั้นต้นวางโทษจำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 คนละ 30 ปี ลดโทษให้จำเลยที่ 2 หนึ่งในสามและลดโทษให้จำเลยที่ 3 กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด20 ปี จำเลยที่ 3 มีกำหนด 15 ปี โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 3 พอใจในผลของคำพิพากษามิได้อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 25 ปีแต่กลับลดโทษให้จำเลยที่ 2 กึ่งหนึ่ง และลดโทษให้จำเลยที่ 3หนึ่งในสาม ทั้งที่จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธต่อสู้คดี คงให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเท่านั้น และจำเลยที่ 2 ก็พอใจในผลของคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยมิได้อุทธรณ์ ส่วนจำเลยที่ 3 นั้นปรากฏว่าจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นจับกุมตลอดถึงชั้นพิจารณาของศาล ศาลชั้นต้นลดโทษให้กึ่งหนึ่ง แต่ศาลอุทธรณ์กลับลดโทษให้หนึ่งในสาม และให้จำคุกจำเลยที่ 3 เกินกว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดโดยที่โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยที่ 3 แต่อย่างใดกรณีดังกล่าวศาลอุทธรณ์มิได้ให้เหตุผลว่าใช้บทกฎหมายหรือดุลพินิจอย่างไรในการลดโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้ผิดแผกแตกต่างไปจากลักษณะปกติโดยทั่วไป ดังนั้น คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ส่วนนี้จึงไม่ชอบ ฎีกาโจทก์และจำเลยที่ 3 ฟังขึ้น”

พิพากษาแก้เป็นว่า ลดโทษให้แก่จำเลยที่ 2 หนึ่งในสามและลดโทษให้แก่จำเลยที่ 3 กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงให้จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 16 ปี 8 เดือน จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 12 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share