คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2168/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เงิน 10,000 บาทที่โจทก์ชำระให้จำเลยซึ่งเป็นตัวแทนบริษัท ย. เป็นค่าเช่าซื้อรถไถนาที่โจทก์เช่าซื้อจากบริษัทย. จำเลยยังไม่ส่งมอบให้บริษัทจนเป็นเหตุให้บริษัทบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ ยึดรถไถนาคืนและฟ้องเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ก็ตาม โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงิน 10,000 บาทคืนจากจำเลย เพราะจำเลยรับเงินจำนวนนี้ไว้แทน และจะต้องส่งเงินให้แก่บริษัท เงินที่จำเลยรับไว้จากโจทก์จึงเป็นการชำระหนี้ไว้โดยชอบในฐานะตัวแทนและเป็นของบริษัท ไม่ใช่ของโจทก์หรือของจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนบริษัทยนตรภัณฑ์ จำกัด จำเลยตกลงขายรถแทร็กเตอร์ใช้แล้วพร้อมอุปกรณ์ไถบุกเบิก 1 คันให้โจทก์ในราคา35,700 บาทโดยวิธีเช่าซื้อ จำเลยที่ 1 ได้รับเช็คเงินสดจำนวน 12,000 บาทไว้เป็นเงินมัดจำ ต่อมาจำเลยที่ 2 ซึ่งอยู่บ้านเดียวกับจำเลยที่ 1 ได้รับเงินค่างวดจากโจทก์อีก 8,000 บาท รวม 2 คราว เป็นเงิน 20,000 บาท แต่จำเลยไม่ติดต่อให้บริษัททำสัญญาเช่าซื้อให้โจทก์จนเวลาล่วงไป 6 เดือน โจทก์จึงได้ทำสัญญาเช่าซื้อกับบริษัทยนตรภัณฑ์ และชำระค่ารถในวันทำสัญญา10,000 บาท และได้ชำระในเดือนมีนาคม 2515 อีก 5,000 บาท คงค้างชำระอีก 700 บาท จำเลยมิได้นำเงิน 20,000 บาทที่รับไปจากโจทก์ส่งให้บริษัทยนตรภัณฑ์ เป็นเหตุให้บริษัทอ้างว่าโจทก์ผิดสัญญาเช่าซื้อ บอกเลิกสัญญายึดรถคืนไป และเรียกค่าเสียหายจากโจทก์อีกเป็นเงิน 21,990 บาทขอให้ศาลบังคับให้จำเลยคืนเงิน 20,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย และให้ใช้ค่าเสียหาย 24,000 บาท ฯลฯ

จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ผิดนัด ถูกบริษัทยึดรถและถูกฟ้องซึ่งไม่ใช่ความผิดของจำเลยทั้งสอง ฯลฯ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า ให้จำเลยร่วมกันคืนเงิน 10,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามฟ้องว่า เงิน 10,000 บาทที่โจทก์ชำระให้จำเลยเป็นค่าเช่าซื้อรถไถนาที่โจทก์เช่าซื้อจากบริษัทยนตรภัณฑ์จำเลยยังไม่ได้ส่งมอบให้บริษัทยนตรภัณฑ์ จนเป็นเหตุให้บริษัทยนตรภัณฑ์บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อยึดรถไถนาคืนและฟ้องเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ก็ตามโจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงิน 10,000 บาทนี้คืนจากจำเลย เพราะจำเลยได้รับเงินจำนวนนี้ไว้แทนบริษัทยนตรภัณฑ์ เป็นค่าเช่าซื้อ และตามฟ้องโจทก์ก็ยอมรับว่าจำเลยเป็นตัวแทนของบริษัทยนตรภัณฑ์ จะต้องส่งเงินที่โจทก์ชำระเป็นค่าเช่าซื้อให้แก่บริษัทยนตรภัณฑ์ เงินค่าเช่าซื้อที่จำเลยได้รับไปจากโจทก์จึงเป็นการรับชำระหนี้ค่าเช่าซื้อไว้โดยชอบในฐานะตัวแทนของบริษัทยนตรภัณฑ์เป็นเงินของบริษัทยนตรภัณฑ์ ไม่ใช่ของโจทก์หรือของจำเลย

พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share