คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1646/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การออกเช็คเพื่อชำระหนี้เงินกู้ เมื่อไม่มีการใช้เงินตามเช็ค หนี้เงินกู้ก็ยังไม่ระงับ มูลหนี้คงเป็นหนี้เงินกู้ตามเดิม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กู้เงินโจทก์ไปรวม 2 ครั้ง ครั้งแรกจำเลยได้เอาสัญญากู้คืนไปและจ่ายเช็คเพื่อชำระหนี้เงินกู้ แต่เช็คไม่มีเงิน ครั้งหลังจำเลยทำสัญญาให้โจทก์ไว้แล้วก็ไม่ชำระขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระพร้อมทั้งดอกเบี้ย

จำเลยสู้ว่าจำเลยไม่เคยกู้เงินโจทก์ จำเลยเคยเป็นหนี้โจทก์แต่ก็ได้ชำระแล้ว สัญญากู้จำเลยเขียนเมื่อพนักงานสอบสวนไกล่เกลี่ยในเรื่องโจทก์หาว่าจำเลยใช้เช็คไม่มีเงิน เพื่อให้โจทก์ถอนฟ้องแต่โจทก์ไม่ถอนฟ้องจำเลยจึงไม่ได้ให้โจทก์ยึดถือไว้ ต่อมาคนร้ายได้วิ่งราวเอากระเป๋าเงินซึ่งบรรจุสัญญากู้ไว้ไป โจทก์คงรับซื้อสัญญากู้จากคนร้ายแล้วนำมาฟ้อง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม หนี้ขาดอายุความแล้วขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม โจทก์ตั้งมูลหนี้มาในรูปสัญญากู้ หาใช่มูลหนี้ตามเช็คไม่ ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ การกู้เงินรายแรกโจทก์ไม่มีหลักฐานการกู้ยืมอันจะบังคับเอาแก่จำเลยได้ ส่วนการกู้เงินรายหลังเชื่อว่าจำเลยทำให้โจทก์เพื่อปรองดองในคดีอาญา หาได้มีการกู้เงินกันไม่ให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไปจริงและได้เอาเช็คมาแลกสัญญากู้คืนไปเมื่อเช็คยังขึ้นเงินไม่ได้ จำเลยก็ยังไม่หลุดพ้นจากความรับผิดอันมีต่อโจทก์ ส่วนเงินกู้ตามสัญญาท้ายฟ้องโจทก์สืบไม่สมฟ้อง จึงพิพากษาแก้ให้จำเลยชำระเงินที่จำเลยยังค้างชำระโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.2 พร้อมทั้งดอกเบี้ย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกาเฉพาะเงินกู้รายแรก

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยออกเช็คใช้เงินให้โจทก์ในการกู้เงินเมื่อเช็คขึ้นเงินไม่ได้ จำเลยก็ทำหนังสือกู้เงินให้โจทก์ใหม่ แล้วภายหลังเอาเช็คมาเปลี่ยนเอาหนังสือสัญญากู้คืนไป เป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้เงินกู้ เมื่อไม่มีการใช้เงินตามเช็ค หนี้เงินกู้ก็ยังไม่ระงับมูลหนี้คงเป็นหนี้เงินกู้อยู่ตามหนี้เดิม ไม่ขาดอายุความ ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าได้ชำระหนี้ครบแล้วนั้น เห็นว่าจำเลยยังเป็นหนี้โจทก์อยู่อีก พิพากษายืน

Share