คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1589/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลฟังพฤติการณ์ต่างๆ เช่น บิดาให้การศึกษาแก่เด็ก ให้ใช้นามสกุลปฏิบัติต่อกันฉันบิดากับบุตร และฟังว่าเด็กเป็นบุตรของบิดาอันเกิดแต่มารดาซึ่งเป็นสามีภริยากันตามกฎหมายก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 นั้น ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1524ซึ่งใช้สำหรับพิสูจน์การเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย
ผู้จัดการมรดกเป็นผู้ครอบครองมรดกแทนทายาท ถือว่าทายาทได้ครอบครองมรดกแล้วแม้ทายาทจะฟ้องผู้จัดการมรดกเกิน 1 ปีนับแต่เจ้ามรดกตาย ก็ไม่ขาดอายุความ
ทรัพย์สินที่มีมาก่อนสมรส เมื่อไม่ใช่สินส่วนตัวแล้วก็เป็นสินเดิมทั้งสิ้น
สำเนาบัญชีฝากเงินธนาคารที่คัดจากบัญชีในธนาคารซึ่งนำมาศาลไม่ได้ เมื่อคู่ความอีกฝ่ายมิได้คัดค้านว่าไม่ถูกต้องกับต้นฉบับ ย่อมเป็นพยานหลักฐานที่ศาลรับพิจารณาได้ว่าข้อเท็จจริงมีอยู่อย่างไร โดยไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่ธนาคารมาเบิกความชี้แจงประกอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกจากจำเลยซึ่งเป็นภริยาและผู้จัดการมรดกของนายประยงค์ผู้ตาย โดยอ้างว่าโจทก์เป็นบุตรนายประยงค์อันเกิดแต่ภริยาอีกคนหนึ่ง

จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ไม่ใช่บุตรนายประยงค์ และคดีขาดอายุความ

ศาลชั้นต้นฟังว่า โจทก์ไม่ใช่บุตรนายประยงค์เจ้ามรดก พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า โจทก์เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายประยงค์ตามกฎหมายลักษณะผัวเมีย คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ เพราะจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกครอบครองแทนทายาท พิพากษาให้แบ่งมรดกส่วนของนายประยงค์ให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง

โจทก์และจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีระหว่างนายประยงค์กับนางบัวจีนและโจทก์เกิดก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 นายประยงค์และนางบัวจีนเป็นสามีภริยาตามกฎหมาย ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ฟังพฤติการณ์ต่าง ๆ เช่น บิดาให้การศึกษาแก่โจทก์ ให้ใช้นามสกุลปฏิบัติต่อกันฉันบิดากับบุตรและฟังว่าโจทก์เป็นบุตรนายประยงค์จึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1524 ซึ่งใช้สำหรับพิสูจน์การเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย

จำเลยเป็นผู้จัดการมรดก ครอบครองมรดกแทนทายาท ถือว่าโจทก์ได้ครอบครองมรดกแล้ว แม้โจทก์จะฟ้องเกิน 1 ปีนับแต่เจ้ามรดกตายคดีโจทก์ก็ไม่ขาดอายุความ

ทรัพย์สินที่มีมาก่อนสมรส เมื่อไม่ใช่สินส่วนตัวแล้ว ก็เป็นสินเดิมทั้งสิ้น

สำเนาบัญชีฝากเงินธนาคารที่คัดจากบัญชีในธนาคารซึ่งนำมาศาลไม่ได้ เมื่อจำเลยมิได้คัดค้านว่าไม่ถูกต้องกับต้นฉบับย่อมเป็นพยานหลักฐานที่ศาลรับพิจารณาได้ว่าข้อเท็จจริงมีอยู่อย่างไร โดยไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่ธนาคารมาเบิกความชี้แจงประกอบ

เมื่อฟังข้อเท็จจริงแล้ว ศาลฎีกาพิพากษาแก้เฉพาะทรัพย์อันดับ 6ว่ามีอยู่ 43,000 บาท นอกจากนี้พิพากษายืน

Share