คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 857/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสมคบกันทำใบมอบอำนาจปลอมใช้ชื่อจำเลยที่ 1 รับมอบอำนาจจากโจทก์ โดยบรรยายฟ้องว่าความจริงโจทก์ไม่ได้ลงชื่อในใบมอบอำนาจ เป็นข้ออ้างว่าลายมือชื่อในใบมอบอำนาจมิใช่ลายมือชื่อที่โจทก์ลงชื่อไว้แจ่มแจ้งแล้ว ไม่เคลือบคลุมแต่อย่างใด
จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในศาลชั้นต้นว่าพฤติการณ์ของโจทก์เป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทำให้จำเลยเสียหาย จึงไม่เป็นข้อที่จะยกขึ้นฎีกาได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 7758จำเลยที่ 1 ใช้ชื่อปลอมสมคบกับจำเลยที่ 2, 3 หลอกลวงโจทก์จำเลยที่ 2 ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินดังกล่าวราคา 157,200 บาท ให้โจทก์นำโฉนดไปมอบให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดทำการสอบเขตแล้วจำเลยที่ 1, 2 สมคบกันทำใบมอบอำนาจปลอมใช้ชื่อจำเลยที่ 1 รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้มาเลิกการสอบเขตและโอนขายให้จำเลยที่ 2 ราคา 100,000 บาท โดยโจทก์ไม่ได้ลงชื่อในใบมอบอำนาจแล้วโอนขายให้จำเลยที่ 3 รับซื้อฝากในราคา 45,000 บาท ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2กับนิติกรรมขายฝากระหว่างจำเลยที่ 2, 3 ให้แก้ทะเบียนหลังโฉนดที่ดินแปลงนี้ ให้โจทก์ถือกรรมสิทธิ์ตามเดิม

จำเลยที่ 1, 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

จำเลยที่ 3 ให้การว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ฯลฯ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ตามคำขอท้ายฟ้อง

จำเลยที่ 3 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 3 ฎีกาว่าฟ้องเคลือบคลุม

ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องโจทก์ข้อหาบรรยายข้อความชัดเจนแล้วว่าความจริงโจทก์ไม่ได้ลงชื่อในใบมอบอำนาจนั้น เป็นข้ออ้างว่าลายมือชื่อในใบมอบอำนาจมิใช่ลายมือชื่อที่โจทก์ลงไว้แจ่มแจ้งแล้วไม่เคลือบคลุมแต่อย่างใด ส่วนที่จำเลยที่ 3 ฎีกาว่าพฤติการณ์ของโจทก์เป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทำให้จำเลยที่ 3 เสียหายนั้น จำเลยที่ 3 มิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในศาลชั้นต้น จึงไม่เป็นข้อที่จะยกขึ้นฎีกาได้

พิพากษายืน

Share