แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การจับกุมกับการสอบสวนเป็นคนละขั้นตอนกันการจับกุมที่ไม่ชอบนั้นไม่มีกฎหมายบทใดบัญญัติให้มีผลกระทบไปถึงการสอบสวนของพนักงานสอบสวนหรืออำนาจฟ้องของโจทก์ ดังนั้น ไม่ว่าศาลฎีกาจะวินิจฉัยว่าการจับกุมจำเลยในคดีนี้จะเป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่อย่างไรก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลคดีได้
โจทก์มีประจักษ์พยานสองปากเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเบิกความยืนยันว่า เห็นจำเลยทั้งสองกำลังนั่งนับเมทแอมเฟตามีนอยู่ โดยไม่ปรากฏว่าพยานโจทก์รู้จักจำเลยทั้งสองมาก่อน มีส่วนได้เสียหรือผลประโยชน์อย่างไรในการแกล้งกล่าวหาให้จำเลยได้รับโทษในคดีนี้ จึงไม่มีข้อระแวงว่าพยานโจทก์จะสร้างหลักฐานขึ้นมาเบิกความปรักปรำจำเลยทั้งสอง ทั้งไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปหาเมทแอมเฟตามีนมาถึง 29 เม็ด ซึ่งมีราคานับพันบาทมากลั่นแกล้งจำเลยทั้งสองขณะเกิดเหตุและก่อนเกิดเหตุก็ไม่ปรากฏว่ามีบุคคลอื่นอยู่ภายในที่เกิดเหตุด้วย หลังเกิดเหตุพยานโจทก์ก็แจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจทราบเพื่อไปรับตัวจำเลยทั้งสองและของกลางทันทีโดยมีพันตำรวจตรี น. และนายดาบตำรวจ ว. เบิกความสนับสนุนพยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักมั่นคง รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 29 เม็ด หนัก2.60 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตเจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสองได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15, 66, 67, 102 ริบของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ 2 มิได้ให้การ ถือว่าจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง,67 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้จำคุกคนละ 2 ปี ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยทั้งสองหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 แล้วคงจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 1 ปี 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยทั้งสองเป็นข้อแรกว่าการจับกุมจำเลยทั้งสองเป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า การจับกุมกับการสอบสวนเป็นคนละขั้นตอนกัน การจับกุมที่ไม่ชอบนั้นไม่มีกฎหมายบทใดบัญญัติให้มีผลกระทบไปถึงการสอบสวนของพนักงานสอบสวนหรืออำนาจฟ้องของโจทก์ ดังนั้น ไม่ว่าศาลฎีกาจะวินิจฉัยว่าการจับกุมจำเลยทั้งสองในคดีนี้เป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่อย่างไร ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลคดี ปัญหาตามฎีกาของจำเลยทั้งสองในข้อนี้จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยชอบแล้ว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยเช่นเดียวกัน
ปัญหาต่อไปมีว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองหรือไม่ ในปัญหาข้อนี้โจทก์มีนายสุทัดและนายสมเกียรติ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างฯที่เกิดเหตุเป็นประจักษ์พยานเบิกความยืนยันว่า เมื่อเข้าไปภายในห้องน้ำที่เกิดเหตุแล้ว เห็นจำเลยทั้งสองนั่งยอง ๆ อยู่กับพื้นห้องน้ำหันหน้าเข้าหากัน จำเลยที่ 1 กำลังเทเมทแอมเฟตามีนออกจากถุงพลาสติกลงบนกระดาษตะกั่วซองบุหรี่ โดยจำเลยที่ 2 ใช้นิ้วเกลี่ยนับเม็ดยาอยู่ เห็นว่า ทั้งนายสุทัดและนายสมเกียรติต่างไม่เคยรู้จักจำเลยทั้งสองมาก่อน และไม่ปรากฏว่านายสุทัดและนายสมเกียรติมีส่วนได้เสียหรือผลประโยชน์อย่างไรในการแกล้งกล่าวหาให้จำเลยทั้งสองได้รับโทษในคดีนี้ ในเบื้องต้นจึงไม่มีข้อควรระแวงว่านายสุทัดและนายสมเกียรติจะสร้างหลักฐานขึ้นและมาเบิกความปรักปรำจำเลยทั้งสอง ทั้งไม่มีเหตุผลอะไรที่นายสุทัดและนายสมเกียรติจะต้องไปหาเมทแอมเฟตามีนมาถึง 29 เม็ด ซึ่งมีราคานับพันบาทมากลั่นแกล้งจำเลยทั้งสอง ขณะเกิดเหตุและก่อนเกิดเหตุก็ไม่ปรากฏว่ามีบุคคลอื่นอยู่ภายในห้องน้ำที่เกิดเหตุอีกด้วย หลังเกิดเหตุนายสุทัดและนายสมเกียรติก็แจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจทราบและไปรับตัวจำเลยทั้งสองและของกลางทันที โดยโจทก์มีพันตำรวจตรีนันทรังสรรค์และนายดาบตำรวจวันชัย ลอองจันทร์ มาเบิกความสนับสนุนพยานหลักฐานของโจทก์ดังกล่าวมีน้ำหนักมั่นคง รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองอันเป็นความผิดตามที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษ ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า นายสุทัดและนายสมเกียรติหาเหตุกลั่นแกล้งจำเลยทั้งสองนั้นก็ไม่ปรากฏว่านายสุทัดและนายสมเกียรติจะกลั่นแกล้งจำเลยทั้งสองเพื่ออะไร ส่วนที่นางมะลิวัลย์ อันผันพยานจำเลยซึ่งอ้างว่าเป็นผู้ดูแลโต๊ะสนุกเกอร์ติดกับห้องน้ำที่เกิดเหตุเบิกความว่า เคยเห็นนายสุทัดและนายสมเกียรติตบตีนักเรียนที่เกเรก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองเป็นนักเรียนที่เกเรแต่อย่างใด ที่นางมะลิวัลย์เบิกความว่าเคยมีนักเรียนถูกนายสุทัดและนายสมเกียรติแกล้งจับกุมข้อหามีเมทแอมเฟตามีนและเรียกร้องเงินตอบแทนเพื่อจะปล่อยตัวนั้นตามคำเบิกความของจำเลยทั้งสองก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองถูกนายสุทัดและนายสมเกียรติเรียกร้องเงินหรือผลประโยชน์อื่นใดด้วยข้ออ้างของจำเลยทั้งสองจึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง ฎีกาข้อนี้ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
ที่จำเลยทั้งสองฎีกาอีกข้อหนึ่งขอให้รอการลงโทษจำคุกนั้นเห็นว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยทั้งสองอายุ 19 ปีเศษ ยังเป็นผู้เยาว์และเป็นนักศึกษา เมทแอมเฟตามีนของกลางก็มีจำนวนไม่มากนักเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนตามพฤติการณ์แห่งคดีจึงมีเหตุสมควรให้โอกาสแก่จำเลยทั้งสองในการกลับตนเป็นพลเมืองดีโดยรอการลงโทษจำคุกไว้ได้ แต่ให้ลงโทษปรับและกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติจำเลยทั้งสองด้วย ฎีกาข้อนี้ของจำเลยทั้งสองฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า เมื่อลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยทั้งสองคนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 แล้วให้จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 1 ปี 4 เดือน และปรับคนละ 10,000บาท ให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองไว้คนละ 2 ปี โดยกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติจำเลยทั้งสองว่า ให้จำเลยทั้งสองไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ สำนักงานคุมประพฤติประจำศาลอาญาธนบุรีมีกำหนดสองเดือนต่อครั้งเป็นเวลา 1 ปี และห้ามมิให้จำเลยทั้งสองเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษทุกประเภทตลอดระยะเวลาที่รอการลงโทษ ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์