คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2889/2544

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีโดยขาดนัด จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์ ปรากฏว่าจำเลยมิได้วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 229 เช่นนี้ ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งไม่รับอุทธรณ์ แต่เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิพากษายกอุทธรณ์โดยไม่ต้องวินิจฉัยในประเด็นแห่งอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยด้วย โดยพิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ จึงมิชอบ ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยฎีกาของโจทก์ และพิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และยกฎีกาของโจทก์ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงิน10,765,976 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน9,001,200 บาท นัดถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน10,765,976 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน9,001,200 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ3,000 บาท

จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ว่า จำเลยไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา หากจำเลยมีโอกาสยื่นคำให้การและนำพยานเข้าสืบแล้วจะเป็นฝ่ายชนะคดีโจทก์ได้เพราะคำฟ้องโจทก์เป็นเท็จ

โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า จำเลยทราบว่าถูกโจทก์ฟ้องแล้วจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ขอให้ยกคำร้อง

ระหว่างการพิจารณาคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ จำเลยยื่นคำร้องเพิ่มเติมว่า การพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียวนั้นไม่ได้มีการส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลยทราบจึงเป็นการไม่ชอบ ขอให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบดังกล่าว

โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า เจ้าหน้าที่ศาลชั้นต้นได้นำหมายนัดสืบพยานโจทก์ไปส่งให้จำเลยแล้ว เพราะโจทก์ได้ชำระค่านำหมายนัดดังกล่าวแก่เจ้าหน้าที่ศาลชั้นต้นเป็นที่เรียบร้อย ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ เริ่มแต่ให้จำเลยยื่นคำให้การและนัดสืบพยานโจทก์ต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีโดยขาดนัด จำเลยจึงยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์ ปรากฏข้อเท็จจริงในสำนวนว่า ในชั้นที่จำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นนั้นจำเลยมิได้วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 บัญญัติว่า”การอุทธรณ์นั้นให้ทำเป็นหนังสือยื่นต่อศาลชั้นต้นซึ่งมีคำพิพากษาหรือคำสั่งภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น และผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์นั้นด้วย…” การที่จำเลยมิได้วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนแก่โจทก์เช่นนี้ ในชั้นตรวจอุทธรณ์ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย แต่เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยศาลอุทธรณ์ภาค 1 ก็ชอบที่จะพิพากษายกอุทธรณ์นั้นเสียโดยไม่ต้องวินิจฉัยในประเด็นแห่งอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยด้วย โดยพิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ จึงมิชอบด้วยบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาจึงต้องยกเสียและไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์”

พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1และยกฎีกาของโจทก์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นคืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดในชั้นอุทธรณ์แก่จำเลยและในชั้นฎีกาแก่โจทก์ ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share