คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1165/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์ตั้งประเด็นว่า น. ผู้ตายเคยทำสัญญาประนีประนอมยอมความยกที่ดินให้โจทก์ แต่จำเลยที่ 1 กลับไปขอรับมรดกที่ดินรายนี้แล้วโอนให้จำเลยที่ 2 จำเลยให้การต่อสู้โดยมิได้ยกข้อต่อสู้ว่า สัญญาประนีประนอมที่ น. ทำไว้ใช้ไม่ได้ เพราะเจ้าของที่ดินโฉนดพิพาทมีคนอื่น นอกจาก น. เป็นเจ้าของด้วย การที่ศาลอุทธรณ์ยกข้อนี้ขึ้นวินิจฉัยจึงเป็นเรื่องนอกประเด็นเพราะจำเลยเพิ่งยกขึ้นในตอนที่จำเลยอุทธรณ์
จำเลยเป็นผู้รับมรดกสืบสิทธิจาก น. ต้องผูกพันตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ น. ทำไว้กับโจทก์ด้วย โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยขอแบ่งแยกที่ดินให้ตามสัญญานั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมนายนาม อยู่สุข ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ให้ศาลย่อมแบ่งแยกที่ดินโฉนดที่ 4810 เนื้อที่ 2 งาน 25 วา ให้เป็นที่ธรณีสงฆ์ของโจทก์ แต่ยังไม่ทันรังวัดแบ่งแยก นายนาม อยู่สุขได้วายชนม์เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2508 จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นภริยานายนามและเป็นมารดาจำเลยที่ 2 ได้ขอรับมรดกที่ดินดังกล่าวแล้วโอนให้จำเลยที่ 3 ในวันรับโอน โดยจำเลยทั้งสองรู้ดีว่านายนามได้ถวายเป็นที่ธรณีสงฆ์แก่โจทก์แล้ว ขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินโฉนดที่ 4810ระหว่างจำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้จำเลยที่ 1 แบ่งแยกที่ดินดังกล่าวแก่โจทก์ตามสัญญายอมหากไม่เพิกถอนการโอน ก็ขอให้บังคับให้จำเลยที่ 2แบ่งแยกที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ มิฉะนั้นขอให้ถือคำสั่งศาลเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย

จำเลยทั้งสองให้การว่า ไม่ทราบว่านายนามทำสัญญาประนีประนอมยกที่ดินให้โจทก์ จะได้ทำกันจริงหรือไม่จำเลยทั้งสองไม่รับรอง จำเลยที่ 1ประกาศขอรับมรดกตามระเบียบ ไม่มีใครคัดค้าน เจ้าพนักงานลงชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้รับมรดกแล้วจึงโอนให้จำเลยที่ 2 ไปโดยสุจริต และชอบด้วยกฎหมาย โจทก์มิได้เรียกร้องเอาทรัพย์รายนี้จากผู้รับมรดกภายในอายุความ 1 ปี นับแต่นายนามถึงแก่กรรม ขาดอายุความ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความ นายนามถวายที่ดินให้วัดโจทก์แล้ว จึงไม่ใช่ทรัพย์มรดกของผู้ตาย จำเลยที่ 1ไม่มีสิทธิขอรับมรดกโดยการเอาที่ดินพิพาทโอนให้จำเลยที่ 2 ไปทั้งหมดพฤติการณ์การโอนส่อไปในทางไม่สุจริต พิพากษาให้จำเลยที่ 2 แบ่งแยกที่ดินพิพาท เนื้อที่ 2 งาน 25 ตารางวา ซึ่งติดต่อทางทิศใต้กับวัดโพทูลโจทก์ ตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งแดงที่ 18/2507 โดยให้ถือคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธณณ์วินิจฉัยว่า โฉนดเลขที่ 4810 ที่พิพาทนี้นายนามถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับพี่น้องหลายคน ไม่ได้ปกครองแยกกันเป็นส่วนสัดนายนาม อยู่สุข ยอมถวายที่ดิน 2 งาน 25 ตารางวาให้โจทก์ไม่ปรากฏว่าได้รับความยินยอมจากเจ้าของกรรมสิทธิ์คนอื่น ๆ สัญญาประนีประนอมยอมความไม่ผูกพันที่ดินพิพาทโจทก์ไม่มีสิทธิเหนือที่พิพาท เพราะผู้โอนให้ไม่มีสิทธิที่จะโอน พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อที่โจทก์ฎีกาว่าที่ศาลอุทธรณ์ยกเรื่องกรรมสิทธิ์รวมมาวินิจฉัยนั้น ไม่มีประเด็นข้อต่อสู้มาแต่เดิมนั้น ตามฟ้องโจทก์ตั้งประเด็นว่า นายนาม อยู่สุข เคยทำสัญญาประนีประนอมยอมความยกที่ดินให้โจทก์ แต่จำเลยที่ 1 กลับไปขอรับมรดกที่ดินรายนี้แล้วโอนให้จำเลยที่ 2 จำเลยให้การต่อสู้โดยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ว่าสัญญาประนีประนอมยอมความที่นายนาม อยู่สุข ทำนั้นใช้ไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1361 เรื่องเจ้าของรวมจำหน่ายตัวทรัพย์สิน ฯลฯ ก็แต่ด้วยความยินยอมแห่งเจ้าของรวมทุกคนขึ้นวินิจฉัยว่าสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีเดิมไม่ผูกพันที่พิพาท เป็นเรื่องนอกประเด็น

จำเลยที่ 1 เป็นผู้รับมรดกสืบสิทธิจากเจ้ามรดก จึงผูกพันโดยสัญญานั้นด้วย โจทก์มีสิทธิฟ้องแบ่งแยกที่ดินตามสัญญานั้น

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นทุกประการ

Share