แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สหกรณ์แท็กซี่ร่วมมิตร จำกัด จำเลยในคดีนี้กับสหกรณ์แท็กซี่รวมมิตรจำกัด เป็นนิติบุคคลเดียวกัน การที่โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมชื่อสหกรณ์แท็กซี่รวมมิตร จำกัด เข้ามาในชั้นบังคับคดีจึงมิใช่เป็นกรณีที่ฟ้องจำเลยผิดตัวหรือฟ้องคดีต่างบุคคลกัน และมิใช่เป็นการเพิ่มเติมข้อหาใหม่ หากแต่เป็นการเพิ่มเติมในรายละเอียดให้ชัดเจนถูกต้องตรงตามความเป็นจริงแม้จะอยู่ในชั้นบังคับคดี แต่ก็มิได้เป็นการเปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษาหรือเป็นการบังคับคดีนอกเหนือไปจากคำพิพากษา ทั้งกรณีเช่นนี้มิใช่เป็นการแก้ไขคำฟ้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 179 จึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 180 และ 181 ที่จะต้องยื่นคำร้องก่อนวันชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพยาน และไม่จำต้องส่งสำเนาคำร้องให้อีกฝ่ายหนึ่งก่อน
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมรับผิดชำระค่าสินไหมทดแทน พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ร่วมกันชำระเงินจำนวน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี แก่โจทก์
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ร่วมกันชำระเงินจำนวน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี แก่โจทก์ ชั้นบังคับคดีโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องและคำพิพากษาเกี่ยวกับชื่อของจำเลยที่ ๒ เป็นว่า สหกรณ์แท็กซี่ร่วมมิตร จำกัด หรือสหกรณ์แท็กซี่รวมมิตร จำกัด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้แก้ไขชื่อจำเลยที่ ๒ ตามคำร้อง
จำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องว่า ศาลชั้นต้นมิได้ส่งสำเนาคำร้องของโจทก์ให้แก่จำเลยที่ ๒ เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอแก้ไขชื่อของจำเลยที่ ๒
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า “สหกรณ์แท็กซี่ร่วมมิตร จำกัด” หรือ “สหกรณ์แท็กซี่รวมมิตร จำกัด” เป็นนิติบุคคลเดียวกัน เป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๔๓ ไม่จำต้องส่งสำเนาให้จำเลยที่ ๒ ทราบก่อน พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์เป็นพับ
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์ระบุว่า จำเลยที่ ๒ มีฐานะเป็นนิติบุคคลปรากฏตามสำเนาหนังสือรับรองของกรมส่งเสริมสหกรณ์ แม้จะระบุชื่อสหกรณ์ว่า “สหกรณ์ร่วมมิตร จำกัด” แต่เอกสารฉบับเดียวกันนี้เมื่อกล่าวถึงข้อบังคับในข้อที่ ๑ กลับระบุว่า “สหกรณ์แท็กซี่รวมมิตร จำกัด” นอกจากนี้รายละเอียดในข้อสัญญาว่าด้วยการนำรถยนต์เข้ามาเดินร่วมในสหกรณ์ที่จำเลยที่ ๒ อ้างส่งศาลปรากฏข้อเท็จจริงชัดเจนว่า รถยนต์ที่นำเข้ามาเดินร่วมในสหกรณ์จำเลยที่ ๒ เป็นรถยนต์ตรงกับที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องนี้ ในทางพิจารณาแม้จำเลยที่ ๒ จะใช้ชื่อว่า สหกรณ์แท็กซี่รวมมิตร จำกัด แต่ก็หาได้ปฏิเสธว่าตนไม่ได้มีนิติสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับรถยนต์ตามที่โจทก์ฟ้อง ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ ๒ ในคดีนี้คือ สหกรณ์แท็กซี่ร่วมมิตร จำกัด กับสหกรณ์แท็กซี่รวมมิตร จำกัด นั้นเป็นนิติบุคคลเดียวกัน การขอแก้ไขเพิ่มเติมชื่อสหกรณ์แท็กซี่รวมมิตร จำกัด เข้ามา จึงมิใช่เป็นกรณีฟ้องจำเลยผิดตัวหรือฟ้องคดีต่างบุคคลกันและมิใช่เป็นการเพิ่มเติมข้อหาใหม่ หากแต่เป็นการเพิ่มเติมในรายละเอียดให้ชัดเจนถูกต้องตรงตามความเป็นจริง แม้จะอยู่ในชั้นบังคับคดี แต่ก็มิได้เป็นการเปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษาหรือเป็นการบังคับคดีนอกเหนือไปจากคำพิพากษาอย่างใด ทั้งกรณีเช่นนี้มิใช่เป็นการแก้ไขคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๙ ฉะนั้น จึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา ๑๘๐ และ ๑๘๑ ที่จะต้องถูกจำกัดระยะเวลาการยื่นคำร้องว่าต้องยื่นก่อนวันชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพยาน และไม่จำต้องส่งสำเนาคำร้องให้อีกฝ่ายหนึ่งก่อน ศาลจึงจะมีคำสั่งได้ ฎีกาของจำเลยที่ ๒ ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและชั้นฎีกาให้เป็นพับ.