คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4324/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยบรรยายว่า ทนายจำเลยคนเดิมไม่แจ้งให้จำเลยทราบว่าศาลแรงงานกลางนัดสืบพยาน นัดฟังคำพิพากษาและทนายจำเลยไม่อยู่ในวันนัดสืบพยานโจทก์ เป็นการอ้างเหตุที่จำเลยขาดนัดพิจารณาว่าเกิดจากจำเลยไม่ทราบกำหนดนัดของศาล
ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายมากำหนดวันนัดรับทราบคำสั่งศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ซึ่งผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยลงลายมือชื่อทราบกำหนดนัดไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาแล้ว ถึงวันนัดจำเลยไม่มาศาลศาลแรงงานกลางให้เลื่อนคดีไปนัดสืบพยานโจทก์โดยให้ปิดประกาศแจ้งวันนัดให้จำเลยทราบที่หน้าศาลแทนการส่งหมายถึงวันนัดจำเลยไม่มาศาล ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า จำเลยขาดนัดและขาดนัดพิจารณา แล้วสืบพยานโจทก์จนเสร็จ และพิพากษาคดีไปในวันเดียวกัน การที่ผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยลงลายมือชื่อทราบกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ มีผลเท่ากับทนายจำเลยทราบกำหนดนัดด้วยตามข้อความในใบมอบฉันทะที่ระบุว่าให้ผู้รับมอบฉันทะทำการแทนโดยทนายจำเลยยอมรับผิดชอบทุกประการในการกำหนดวันนัด รับทราบคำสั่ง และทนายจำเลยอยู่ในฐานะเป็นจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(11) ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 31 จึงต้องถือว่าจำเลยทราบกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์แล้ว จำเลยจะอ้างว่าไม่ทราบกำหนดนัดสืบพยานโจทก์เพราะทนายจำเลยไม่แจ้งให้ทราบเพื่อเป็นเหตุขอให้พิจารณาใหม่ไม่ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ศาลแรงงานกลางบังคับจำเลยทั้งสองจ่ายเงินตามบันทึกข้อตกลงส่วนที่เหลือจำนวนเงิน95,485.84 บาท แก่โจทก์ จำเลยทั้งสองยื่นคำให้การ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราวเฉพาะจำเลยที่ 1 เพราะศาลแพ่งสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของจำเลยที่ 1 ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 90/3, 90/10, 90/17 ส่วนจำเลยที่ 2 ขาดนัดพิจารณา แล้วพิจารณาเฉพาะจำเลยที่ 2 ไปฝ่ายเดียวและพิพากษาให้จำเลยที่ 2ชำระเงิน 95,485.84 บาท แก่โจทก์

จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ อ้างเหตุว่าจำเลยที่ 2ได้รับทราบคำบังคับของศาลแรงงานกลางเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2542จำเลยที่ 2 ไม่ทราบกระบวนพิจารณาการสืบพยานโจทก์ มิได้จงใจขาดนัดพิจารณา จำเลยที่ 2 ไม่ทราบผลคำพิพากษาและผลคำบังคับมาก่อนเลยเนื่องจากทนายจำเลยที่ 2 คนเดิมมิได้รายงานผลคดีให้ทราบไม่แจ้งให้จำเลยที่ 2 ทราบว่าศาลแรงงานกลางนัดสืบพยานนัดฟังคำพิพากษา อีกทั้งจากการตรวจสำนวนก็ปรากฏว่าทนายจำเลยที่ 2 ไม่อยู่ในวันสืบพยานโจทก์ และจำเลยที่ 2 ย้ายภูมิลำเนา หากจำเลยที่ 2ทราบการสืบพยานโจทก์และมีโอกาสนำพยานเข้าสืบ คดีจำเลยที่ 2มีโอกาสชนะโจทก์ได้ โจทก์ตกลงรอการฟื้นฟูกิจการของจำเลยที่ 1ไม่ดำเนินคดีต่อจำเลยที่ 2 และโจทก์ขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 1 แล้ว โจทก์จึงต้องรอการชำระหนี้ตามแผนมิใช่บังคับเอาแก่จำเลยที่ 2

ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า คำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 2ไม่อ้างเหตุที่จำเลยที่ 2 ไม่มาศาลในวันนัดพิจารณาและไม่ติดตามคดีอันเป็นการไม่แสดงเหตุที่ขาดนัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 มีคำสั่งให้ยกคำร้อง

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ (ที่ถูกอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา)

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 2 ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 หรือไม่ เห็นว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง บัญญัติให้คำขอเช่นว่านี้ให้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่คู่ความได้ขาดนัดซึ่งต้องนำมาใช้บังคับแก่คดีนี้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 ในคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 2 ที่บรรยายว่าทนายจำเลยที่ 2 คนเดิมไม่แจ้งให้จำเลยที่ 2 ทราบว่าศาลแรงงานกลางนัดสืบพยาน นัดฟังคำพิพากษา และปรากฏในสำนวนว่าทนายจำเลยที่ 2 ไม่อยู่ในวันนัดสืบพยานโจทก์นั้น เป็นการอ้างเหตุที่จำเลยที่ 2 ขาดนัดพิจารณาว่าเกิดจากจำเลยที่ 2 ไม่ทราบกำหนดนัดของศาลแรงงานกลาง ข้อเท็จจริงในสำนวนที่ไม่มีคู่ความฝ่ายใดโต้เถียงเป็นอย่างอื่นฟังเป็นยุติว่า นายธีรยุทธ พืชมาก ทนายจำเลยที่ 2 มอบฉันทะให้นายพิพัฒน์ ตอพิพัฒน์ เสมียนทนาย มากำหนดวันนัด รับทราบคำสั่งศาลแรงงานกลางตามใบมอบฉันทะลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2542 ในวันนั้นศาลแรงงานกลางกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2542 ซึ่งผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อทราบกำหนดนัดไว้ในรายงานกระบวนพิจารณา ถึงวันนัดจำเลยที่ 2 ไม่มาศาล ศาลแรงงานกลางให้เลื่อนคดีไปนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 22 มิถุนายน 2542 โดยให้ปิดประกาศแจ้งวันนัดให้จำเลยที่ 2 ทราบ ที่หน้าศาลแทนการส่งหมายตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2542 ถึงวันนัดจำเลยที่ 2 ไม่มาศาลศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า จำเลยที่ 2 ขาดนัดและขาดนัดพิจารณา แล้วสืบพยานโจทก์จนเสร็จตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 22 มิถุนายน 2542 และศาลแรงงานกลางพิพากษาคดีไปในวันเดียวกัน การที่ผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อทราบกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ที่จะสืบในวันที่ 26 พฤษภาคม 2542 มีผลเท่ากับทนายจำเลยที่ 2 ทราบกำหนดนัดด้วยตามข้อความในใบมอบฉันทะที่ระบุว่าให้ผู้รับมอบฉันทะทำการแทนโดยทนายจำเลยที่ 2ยอมรับผิดชอบทุกประการในการกำหนดวันนัด รับทราบคำสั่ง และทนายจำเลยที่ 2 อยู่ในฐานะเป็นจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(11) ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31จึงต้องถือว่าจำเลยที่ 2 ทราบกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์แล้วจำเลยที่ 2จะอ้างว่าไม่ทราบกำหนดนัดสืบพยานโจทก์เพราะทนายจำเลยที่ 2 ไม่แจ้งให้ทราบเพื่อเป็นเหตุขอให้พิจารณาใหม่ไม่ได้ จำต้องวินิจฉัยว่าคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 2 อ้างเหตุแห่งความล่าช้าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 หรือไม่

พิพากษายืน

Share