แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันที่ 3 ตุลาคม 2518 แล้วยื่นคำร้องลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2518 ว่า เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2518 มีคนร้ายยิงทนายจำเลยได้รับอันตรายสาหัส ป่วยหนัก ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล สำนวนและเอกสารยังหาไม่พบจำเลยความรู้น้อยไม่สามารถทำฎีกาด้วยตนเอง ทั้งเป็นคนยากจนได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถายังจัดหาทนายคนอื่นไม่ได้ทันท่วงที ขอให้ศาลมีคำสั่งขยายระยะเวลายื่นฎีกาไปอีก 10 วัน ดังนี้ จำเลยฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วไม่ทำฎีกายื่น จนเวลาล่วงเลยไป 14 วัน ทนายของจำเลยจึงถูกคนร้ายยิง จากนั้นจำเลยมีเวลาหาทนายความคนอื่นและมีเวลาดำเนินการยื่นฎีกาอีก 15 วันก่อนขอขยายระยะเวลาฎีกา เห็นได้ว่าจำเลยเพิกเฉยมาแต่ต้น ไม่รีบแก้ไขเมื่อมีเหตุเกิดขึ้นแก่ทนายความของจำเลย กรณีไม่นับว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษ ไม่สมควรขยายระยะเวลายื่นฎีกาให้จำเลย
ย่อยาว
คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ได้พิพากษาให้จำเลยกับบริวารออกไปจากที่ดินพิพาท และให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย จำเลยฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันที่ 3 ตุลาคม 2518 และยื่นคำร้องลงวันที่ 3พฤศจิกายน 2518 ว่า เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2518 มีคนร้ายยิงทนายความของจำเลยได้รับอันตรายสาหัส ทนายความของจำเลยป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาล สำนวนและเอกสารในคดีนี้ยังหาไม่พบ จำเลยมีความรู้น้อยไม่สามารถทำฎีกาด้วยตนเอง ทั้งเป็นคนยากจนได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ยังจัดหาทนายความคนอื่นไม่ได้ทันท่วงที จึงขอให้ศาลมีคำสั่งขยายระยะเวลายื่นฎีกาไปอีก 10 วัน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาต
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันที่ 3 ตุลาคม 2518จำเลยไม่ทำฎีกายื่นต่อศาลจนเวลาล่วงเลยไป 14 วัน ทนายความของจำเลยจึงถูกคนร้ายยิงในวันที่ 18 ตุลาคม 2518 จากนั้นจำเลยมีเวลาหาทนายความคนอื่นและมีเวลาดำเนินการยื่นฎีกาอีก 15 วัน ก่อนขอขยายระยะเวลาฎีกาเห็นได้ว่าจำเลยเพิกเฉยมาแต่ต้น และไม่รีบแก้ไขเมื่อมีเหตุเกิดขึ้นแก่ทนายความของจำเลย กรณีตามคำร้องไม่นับว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษ จึงไม่เห็นสมควรขยายระยะเวลายื่นฎีกาให้จำเลย
พิพากษายืน