คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1119/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้รับอุทธรณ์ของผู้ร้องนั้นเป็นการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งขยายระยะเวลาที่ยื่นอุทธรณ์ให้แก่ผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 แต่เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องขึ้นมาเมื่อสิ้นกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ถึงเดือนเศษ จึงหาใช่เป็นเหตุสุดวิสัยไม่ หากแต่เป็นความบกพร่องและผิดพลาดของผู้ร้องเอง

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากจำเลยแพ้คดีโจทก์ โจทก์นำพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ ผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นคำร้องอ้างว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นของผู้ร้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2509 ว่า ทรัพย์ที่ยึดไม่ใช่ของผู้ร้องให้ยกคำร้อง

วันที่ 12 กรกฎาคม 2509 ผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องได้มอบเงินให้ทนายของผู้ร้องไปเพื่อจัดการอุทธรณ์แล้ว แต่ทนายผู้ร้องมิได้จัดการดำเนินการ จึงขอให้ศาลรับอุทธรณ์ไว้

โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้าน

ผู้ร้องขัดทรัพย์และโจทก์ต่างไม่ติดใจให้ศาลไต่สวนพยาน ขอให้ศาลสั่งตามคำร้องและพยานหลักฐาน

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องขัดทรัพย์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องขัดทรัพย์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำร้องของผู้ร้องเป็นการร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้แก่ผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ซึ่งบัญญัติไว้ว่าการขยายระยะเวลาเช่นว่านี้ ให้พึงทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษและคู่ความต้องมีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลานั้น เว้นแต่ในกรณีมีเหตุสุดวิสัย ซึ่งในกรณีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขึ้นมาเมื่อสิ้นกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์แล้วถึงเดือนเศษ โดยอ้างเหตุว่าทนายผู้ร้องไม่ยื่นอุทธรณ์นั้น จึงหาใช่เป็นเหตุสุดวิสัยไม่ หากแต่เป็นความบกพร่องและผิดพลาดของผู้ร้องเอง

พิพากษายืน

Share