แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ละเมิดขับรถยนต์โดยประมาท ชนรถโจทก์ได้รับความเสียหายจำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ต่อมามีหนังสือมาถึงผู้พิพากษาที่พิจารณาคดี เป็นภาษาอังกฤษ ไม่มีคำแปล อ้างว่าเป็นหนังสือของกงสุลมีใจความว่า จำเลยได้รับความคุ้มครองโดยเอกสิทธิตามข้อตกลงทางทหารระหว่างไทยกับสหรัฐ ไม่ต้องขึ้นศาลไทย ศาลชั้นต้นเชื่อหนังสือฉบับนี้ ให้จำหน่ายคดี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อหนังสือดังกล่าวมาสู่ศาลลอยๆ ไม่มีผู้ใดรับรองว่าเป็นหนังสือของกงสุลอเมริกันอันแท้จริงและจำเลยจะได้รับความคุ้มครองตามข้อตกลงทางทหารหรือไม่ข้อตกลงระหว่างประเทศเป็นอย่างใดไม่ปรากฏ ที่ศาลล่างเชื่อว่าเป็นหนังสือของกงสุลอเมริกัน และเชื่อข้อเท็จจริงตามหนังสือนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นฟ้องด้วยจึงให้ยกคำพิพากษาศาลล่างทั้ง 2 ศาล ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้ได้ข้อเท็จจริงให้แน่ชัดเสียก่อนว่า จำเลยได้รับเอกสิทธิไม่ต้องขึ้นศาลไทยจริงหรือไม่ แล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนรถโจทก์เสียหาย ขอเรียกค่าเสียหาย
จำเลยมิได้ยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
กงสุลอเมริกันมีหนังสือเป็นภาษาอังกฤษ โดยไม่มีการแปลเป็นภาษาไทยว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองโดยเอกสิทธิตามข้อตกลงทางทหารระหว่างไทยกับสหรัฐที่จะไม่ต้องขึ้นศาลไทย
โจทก์แถลงคัดค้านว่า โจทก์ชอบที่จะเสนอคดีให้ศาลบังคับจำเลยได้ ข้อที่อ้างว่าจำเลยได้รับเอกสิทธิมิต้องขึ้นศาลไทยนั้นไม่เป็นความจริง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าหนังสือกงสุลอเมริกันเป็นที่เชื่อถือได้ให้จำหน่ายคดี
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในปัญหาที่ว่า จำเลยจะได้รับเอกสิทธิไม่ต้องขึ้นศาลไทยหรือไม่นั้น ปรากฏในสำนวน แต่เพียงเอกสารเป็นภาษาอังกฤษฉบับเดียว โดยอ้างว่า เป็นหนังสือกงสุลอเมริกัน และปรากฏว่าเอกสารนั้นมีถึงผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีเป็นภาษาอังกฤษซึ่งมีการแปลย่อ ๆ เป็นภาษาไทย โดยไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดรับรองความถูกต้องทั้งหนังสือที่กล่าวก็เข้ามาสู่ศาลลอย ๆ ไม่มีผู้ใดยืนยันว่าเป็นหนังสือของกงสุลอเมริกันอันแท้จริง อาจจะเป็นเอกสารที่แท้จริงหรือไม่ก็ได้ ถึงแม้จะเป็นหนังสือของกงสุลอเมริกันที่แท้จริงก็มีข้อเท็จจริงที่จะวินิจฉัยต่อไปว่า การกล่าวอ้างว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองตามข้อตกลงทางทหารระหว่างไทยกับสหรัฐที่จำเลยจะไม่ต้องขึ้นศาลไทยมีหลักฐานเป็นจริงเช่นนั้นหรือไม่ ข้อตกลงระหว่างประเทศเป็นความอย่างใด ที่ศาลล่างทั้ง 2 เชื่อว่าเป็นหนังสือของกงสุลอเมริกัน และเชื่อข้อเท็จจริงตามหนังสือนั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาให้ยกคำพิพากษาของศาลล่างทั้ง 2 ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้ได้ข้อเท็จจริงให้แน่ชัดเสียก่อนว่าจำเลยได้รับเอกสิทธิไม่ต้องขึ้นศาลไทยจริงหรือไม่ แล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดีให้คืนค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้โจทก์เว้นแต่ค่าธรรมเนียมรับอุทธรณ์และรับฎีกา