คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 626/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยกระทำความผิดฐานฉ้อโกงและลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ในระหว่างจำเลยได้รับอนุญาตให้ขยายระยะเวลาฎีกา โจทก์ร่วมและจำเลยต่างยื่นคำร้องว่าจำเลยได้ชำระเงินให้โจทก์ร่วม โจทก์ร่วมไม่ติดใจดำเนินคดีขอถอนคำร้องทุกข์แก่จำเลย ศาลชั้นต้นนัดพร้อมและสอบถามคู่ความ โจทก์ร่วมและจำเลยแถลงรับกันว่า จำเลยได้ชำระเงินแก่โจทก์ร่วม โจทก์ร่วมได้รับเงินจำนวนดังกล่าวแล้ว ไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลย ขอถอนคำร้องทุกข์โจทก์ไม่ค้าน ถือได้ว่าโจทก์ร่วมและจำเลยได้ตกลงยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว เมื่อความผิดฐานฉ้อโกงเป็นความผิดอันยอมความกันได้ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยของโจทก์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(2) จึงลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ไม่ได้ ศาลฎีกาให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340, 340 ตรี, 33 และริบรถยนต์ปิกอัพของกลาง กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้เงิน 20,568 บาท แก่ผู้เสียหาย

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ระหว่างพิจารณา นางเป้ แก่นพล ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 จำคุกคนละ 2 ปี ลดโทษให้คนละหนึ่งในสาม คงจำคุกคนละ 1 ปี 4 เดือน ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้เงิน 20,568 บาท แก่โจทก์ร่วม และยกคำขอในส่วนที่ให้ริบรถยนต์ปิกอัพของกลาง

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 340 ตรีศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดฐานฉ้อโกงและลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ โจทก์และโจทก์ร่วมมิได้อุทธรณ์คงมีแต่จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ปรากฏว่า ในระหว่างจำเลยที่ 2 ได้รับอนุญาตให้ขยายระยะเวลาฎีกา โจทก์ร่วมและจำเลยที่ 2 ต่างยื่นคำร้องว่าจำเลยที่ 2ได้ชำระเงินให้โจทก์ร่วม โจทก์ร่วมไม่ติดใจดำเนินคดี ขอถอนคำร้องทุกข์แก่จำเลยที่ 2 ตามคำร้องของโจทก์ร่วมและจำเลยที่ 2 ลงวันที่ 13 ตุลาคม2542 ศาลชั้นต้นนัดพร้อมและสอบถามคู่ความ โจทก์ร่วมและจำเลยที่ 2แถลงรับกันว่าจำเลยที่ 2 ได้ชำระเงิน 20,568 บาท แก่โจทก์ร่วม โจทก์ร่วมได้รับเงินจำนวนดังกล่าวแล้ว และไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 2 ขอถอนคำร้องทุกข์แก่จำเลยที่ 2 ตามคำร้องที่ยื่นไว้ดังกล่าว โจทก์ไม่ค้าน ดังนี้ถือได้ว่า โจทก์ร่วมและจำเลยที่ 2 ได้ตกลงยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว เมื่อความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 เป็นความผิดอันยอมความกันได้ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยที่ 2 ของโจทก์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(2) จึงลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานนี้ไม่ได้ กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาจำเลยที่ 2

ให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ

Share